มั่นคงเคหะการโตสวนกระแสน้ำมัน-วัสดุก่อสร้างแพง โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก

มั่นคงเคหะการแถลงผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2548 เติบโตอย่างโดดเด่นสวนกระแสเศรษฐกิจยุค น้ำมันแพง เติบโตอย่างน่าทึ่ง 817% หรือจาก 12.21 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็น 111.96 ล้านบาท ในปีนี้ มั่นใจบ้านในเครือมั่นคงตรงใจลูกค้าทั้งด้านราคาและทำเล ปีที่ผ่านมาหลังเปิด 3 โครงการ ชวนชื่น วัชรพล ชวนชื่น อ่อนนุช และสิรีนเฮ้าส์ บางนา ทำยอดขายได้กว่า 200 ล้านบาท

นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2548 ของ บริษัทฯ เติบโตอย่างโดดเด่นตามคาดหมายด้วยกำไรจากการดำเนินงานปกติที่เติบโตถึง 817% คือจาก 12.21 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเป็น 111.96 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมรายการพิเศษจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้วกำไรสุทธิจะสูงถึง 364.42 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 13.27 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ผลประกอบการซึ่งเติบโตอย่างน่าประทับใจนี้เป็นผลมาจากรายได้จากการขายซึ่งเติบโตถึง 431.59 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 255 % จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากไตรมาส 1 ของปี 2547 การรับรู้รายได้จากการขายจะค่อนข้างต่ำเพียง168.98 ล้านบาท เนื่องจากมีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2546 ในขณะที่ไตรมาส 1 ของปี 2548 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการขายถึง 600.57 ล้านบาท รายได้ที่สูงขึ้นนี้ส่งผลให้กำไรเบื้องต้นสูงขึ้น 177.83 ล้านบาท นอกจากนี้อัตราส่วนกำไรเบื้องต้นยังสูงขึ้นจาก 38.25 % เป็น 40.37 %

“โครงการหลักที่ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดรับรู้รายได้ได้เป็นอย่างดีในไตรมาสนี้ ได้แก่ โครงการชวนชื่นแคราย ชวนชื่นปิ่นเกล้า และชวนชื่นแจ้งวัฒนะ ซึ่งสามารถสร้างยอดรับรู้รายได้รวมกันถึง 386 ล้านบาท จากยอดรับรู้รวมในไตรมาสที่ 1 600.57 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นโครงการที่อยู่ในทำเลยอดนิยม และสร้างบนพื้นฐานของความคุ้มค่า คุ้มประโยชน์ใช้สอย ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถบรรลุเป้าการรับรู้รายได้ที่เราตั้งไว้ในปี 2548 2,300 ล้านบาทนั้นได้ตามคาดอย่างแน่นอน เนื่องจากโครงการที่เพิ่งเปิดในปลายปี 2547 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชวนชื่นวัชรพล ชวนชื่นอ่อนนุช และสิรีนเฮ้าส์บางนา และยังมีโครงการที่กำลังจะเปิดขายในปลายปี 2548 นี้อีกจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท อันได้แก่ เรสซิเด้นซ์พาร์ค 4 ชวนชื่นรีเจ้นท์ และชวนชื่นพระราม 2 ล้วนแต่ตอบรับความต้องการของลูกค้าในแง่ความคุ้มค่าของราคา ประโยชน์ใช้สอย และความสะดวกในทุกทำเลเช่นกัน” นายชวน กล่าว

“อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปี 2547 บริษัทฯ ยังมีการขาดทุนสะสมอยู่จึงยังไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ซึ่งการขาดทุนสะสมนี้ได้หมดลงในไตรมาส 4 ของปี 2547 ดังนั้น ในไตรมาส 1 ของปี 2548 บริษัทฯ จึงเสียภาษีเงินได้เป็นเงินทั้งสิ้น 36.19 ล้านบาท ส่วนหนี้สินรวมของบริษัทลดลงจาก 3,179.01 ล้านบาท ณ สิ้นปีที่ผ่านมา เหลือ 2,773.84 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นผลมาจากการชำระหนี้ด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้ว บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งลุล่วง จึงส่งผลให้หนี้สินลดลง และสามารถรับรู้กำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ดังกล่าวรวมเป็นเงิน 252.46 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) จึงลดลงจาก 0.87 เท่าในไตรมาส 4 ของปี 2547 เป็น 0.69 เท่า ณ ปัจจุบัน” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวสรุป