บลจ.ไอเอ็นจี ชูกองทุน “ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า”

บลจ.ไอเอ็นจี มั่นใจ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า” สดใส หลังประเมินอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิปี 2553 ใน 3 ตลาดหุ้นหลักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะไต้หวันที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 67% ขณะที่ฮ่องกงเพิ่มขึ้น 16% และจีนเพิ่มขึ้นกว่า 22% มั่นใจการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนต่อเนื่อง ยันไม่หวั่นภาวะฟองสบู่ เหตุอัตราการกู้ยืมในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในระดับต่ำ เผยสัญญาณเศรษฐกิจโลกฟื้นดัน ภาคส่งออกชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ของไต้หวันกระเตื้อง เช่นเดียวกับราคาค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในฮ่องกงที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการประเมินทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2553 ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ บลจ.ไอเอ็นจี มั่นใจว่า แนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลดีต่อ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า” ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกรทเทอร์ ไชน่า ซึ่งประกอบด้วย จีน ฮ่องกง และไต้หวัน

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ (Consensus forecast, Bloomberg, 13 January 2010) คาดว่าตลาดหุ้นไต้หวันจะมีอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิสูงถึง 67.5% ในปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของการส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิคส์ที่มีปริมาณความต้องการมากขึ้น ขณะที่จีนจะมีอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิอยู่ที่ 22.1% และฮ่องกง อยู่ที่ 16.1%

“ในขณะนี้ต้องยอมรับว่า ไต้หวันได้รับประโยชน์จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าอิเล็คทรอนิคส์เริ่มมีมากขึ้น เห็นได้จากการส่งออกของไต้หวันเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ไต้หวันน่าจะยังคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในส่วนของฮ่องกงนั้น ก็เริ่มเห็นแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของค่าเช่าพื้นที่สำนักงานและความต้องการจ้างพนักงานเพิ่มของบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจโดยรวม” นายต่อกล่าว

สำหรับประเทศจีนนั้น เป็นที่แน่นอนว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า จีนจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจนกว่าเศรษฐกิจของชาติตะวันตกและญี่ปุ่นจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งเศรษฐกิจของจีนจะขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2552 ที่การใช้จ่ายของภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยในปีนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะยังไม่น่าเผชิญกับปัญหาฟองสบู่ เนื่องจากระดับการกู้ยืมของผู้บริโภค รวมถึงการกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในระดับต่ำ

ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า คาดว่าในไตรมาสแรกของปี 2553 ตลาดหุ้นจีนอาจจะอยู่ในช่วงของการปรับฐาน และมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นระยะ (range trade) เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินที่อาจจะเข้มงวดขึ้นและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวของตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนในการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่มเกรทเทอร์ ไชน่า ซึ่งนอกจากตลาดหุ้นจีนแล้ว “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า” ยังลงทุนในตลาดหุ้นไต้หวันที่กำลังได้รับความสนใจเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ และตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ยังคงได้รับอานิสงส์จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของสหรัฐอเมริกา โดยพอร์ตการลงทุน ณ 30 ธันวาคม 2552 มีสัดส่วนการลงทุนในประเทศจีน 40.76% ประเทศไต้หวัน 28.40% และฮ่องกง 23.13% และเงินฝาก 7.71% ตามลำดับ

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนใน “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เกรทเทอร์ ไชน่า” ของบลจ.ไอเอ็นจี สามารถขอรายละเอียดได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โทร. 02-688-7777 หรือ www.ingfunds.co.th

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต ของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต เอกสารการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน / หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้