“พาที สารสิน” …กล้าได้ บ้าดี

ความโดดเด่นในวิถีแห่งการ “คิดต่าง” บวกกับความสามารถในการสร้างสรรค์ “จินตนาการอันคาดเดาได้ยากของ “พาที สารสิน” ทำให้วันนี้ความตั้งใจของการเป็น “เด็กชายนักดับเพลิง” ในวัยเด็กมีอันต้องแปรสภาพเป็น “ผู้บริหารนักดักฝัน” ซึ่งเอื้อให้เขาสามารถทำงานกับไอเดียและจินตนาการอันแหวกแนวได้ถนัดมือกว่าอาชีพในสายงาน “โฆษณา” ส่งผลให้ “ก้าวแรก”ของการเป็น “ผู้บริหาร” ของพาที ใช้ประสบการณ์โดยรวมของชีวิตไม่ถึง 30 ปี

ชื่อเสียงในการสร้าง “Brand & Buzz” ของเขา โดยเฉพาะเคส DTAC นำไปสู่การเป็นหัวเรือให้สายการบินต้นทุนต่ำชื่อ “นกแอร์” …โลโกนกยิ้มปากหวอบนฉากเหลือง… โฆษณาที่คิดได้ไง… และ “ร้านก๋วยเตี๋ยวกึ่งผับ” ในชื่อสุดฮา “ดุ๋งเด้งได้” (ที่มีลูกชิ้นเป็นรูปหน้าตัวเอง) ตลอดจนการถ่ายทอดคำพูดรัวเร็วแบบ “ไทยปนอังกฤษ” ระหว่างบทสนทนา สะท้อนถึงตัวตนของพาที สารสิน like this, you know?

ที่มาแห่งความแหวกแนวของนกแอร์ ซึ่งเกินพิกัดความคุ้นเคยของผู้บริโภคในการรับรู้สารจากสายการบินทั่วๆ ไป
เราจำเป็นต้องฉีก ถ้าแบรนด์ธรรมดา ทุกอย่างจะไม่เด่น อย่างเวลาเราวาง Strategy บางทีมันไม่ได้เกิดจาก Detail ของไอเดีย มันเกิดจากการคุยกันแล้วเกิดไอเดียใหม่ ณ เวลานั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมพยายามทำคือการให้แบรนด์ของเราฉีกจากแบรนด์อื่นตลอดเวลา แม้แต่โปรโมชั่นซึ่งมีเรื่องราคาเป็นจุดหลักอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรให้คนพูดถึงมากกว่าเรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว

อาศัยต้นแบบจากแบรนด์ใดเป็นที่ตั้งหรือไม่
ไม่มี Role Model เพราะการ Copy เป็นอะไรที่ไม่ง่าย และ It’s very hard to be yourself

3 ปีผ่านไป “นกยิ้ม” ตัวนี้บินได้ไกลกี่ไมล์ทะเล
ตอนนี้เรามีอยู่แชร์ 24% แล้ว ซึ่งในประเทศถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ธุรกิจของนกแอร์ไม่มีการหยุดนิ่ง เหตุผลเดียวคือเพื่อการ “Maintain Positioning” ว่าแบรนด์ของเราแตกต่างจากคู่แข่ง “โดยสิ้นเชิง” เกิดขึ้นในรูปแบบที่คู่แข่งเอง “คาดไม่ถึง” หรือไม่คิดว่าเราจะกล้าทำ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

ความแตกต่างของวิธีการทำงานในปัจจุบันกับบทบาทของคนเอเยนซี่ในอดีต
ต่างกันมาก เพราะเราไม่ได้พูดถึงแค่ Promise แล้ว แต่เราต้องพูดถึง “Delivering the Promise” ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้งานมันยากขึ้นเยอะ ต้องประสานงานกันมากๆ พนักงานแค่ร้อยตอนทำเอเยนซี่โฆษณาแต่งานสายการบินมีพนักงานเป็นพันคน

อย่างบริษัทโฆษณาเราจะ Hand on คือเข้าไปร่วมลุยกับลูกน้องในทุกๆ จุด แต่ในธุรกิจการบิน หนึ่ง-เราไม่รู้ทุกอย่าง สอง-มันใหญ่ซะจนถึงรู้ทุกอย่างก็ทำไม่ไหว เราจึงต้อง Manage ดีๆ กับทีมงานที่ใช้มือ แขน และสมองผสมผสานกัน คนชอบคิดว่าผมดูการตลาดคนเดียว ไม่ใช่! การตลาดมัน… It’s a whole team พวกเขาต้องคิดอย่างสร้างสรรค์ตลอดเวลา กระทั่งเดี๋ยวนี้ทีมงานจะเข้าใจแล้วว่าผมจะชอบแบบนี้ไหน น่าจะเวิร์คนะ น่าจะกล้านะ ลุยเลย…ทำเลย

ทำอย่างไรให้ทีมงานรู้ใจเราได้ขนาดนั้น
ทำงานมาด้วยกันตั้ง 3 ปี รู้ใจอยู่แล้ว อย่างเมื่อก่อนสิ่งที่เขาเสนอมาจะค่อนข้าง“Conservative” แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว… ฉีกกว่าที่ผมเป็นซะอีก ฉะนั้นตอนนี้ก็มีงานหลายส่วนที่ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำ เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นทาสลูกน้องนิดหน่อย ลูกน้องสั่งเอาอย่างนั้นอย่างนี้

อย่างล่าสุดไอเดีย 3 บาทเกิดขึ้นได้อย่างไร
ไอเดียนี้เกิดตอนอยู่บนเครื่องบินที่จะไปอินเดีย ผมกับคุณปิยะ ยอดมณี คุยกันโดยความตั้งใจของ 3 บาท เกิดจาก 2 จุด หนึ่ง-มันจะ High Season แล้ว แต่สมัยนี้ Capacity มันไม่เหมือนเดิม สายการบินก็มีมากขึ้น แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันจะยังคงเป็น High Season ในช่วงเวลานั้นจริงๆ รึเปล่า อันที่สอง-มันเครียด ปล่อยมุกให้มันบ้าๆ ไปเลยดีมั้ย ผมก็ถามเขาว่าอยากทำอะไรล่ะ เขาบอกอยากทำ 3 บาท ผมก็หัวเราะ โอเค 3 บาทก็ได้…ฉลอง 3 ขวบ

แต่ผมมองว่า สิ่งที่ไม่ต้องการจะให้เกิดขึ้นคือ คนพูดแค่ว่านกแอร์ 3 บาทเพียงอย่างเดียว อยากให้คนได้ “หัวเราะร่า” จนลืมไปว่ามันเป็นแค่โปรโมชั่น ด้วยการ Synchronize Promotion เข้าไปกับ Character ของนกแอร์ เราใส่ผ้าอ้อมกันมาเลย ตอนแรกตั้งใจจะให้เป็นอีเวนต์ที่เซ็นทรัลเวิลด์เฉยๆ แขวนออกมาจากซอกตึก แต่ปรากฏทีมงานบอกว่า พี่ ไหนๆ ทำทั้งที เอาให้คนทั่วประเทศเห็นด้วยดีกว่า ออกทีวีไปเลย

โฆษณาชิ้นนี้ได้ผลขนาดไหน?
โอ้โห สรยุทธพูดถึงน่ะ It’s OK นะ

นับเป็นเป้าหมายของพาทีด้วยใช่ไหม
ไม่ใช่ เรานึกไม่ถึงนะว่าจะขนาดนี้ แต่เท่าที่เห็นมันกลายเป็น Headline News ของช่อง 3 ช่อง 7 เลยไอ้ตัว “Itself” น่ะ ซึ่งเราไม่ได้ Expect เลยว่าสื่อจะพูดถึงเราก่อนพูดถึงก่อนเรื่องภาคใต้อีก เป็นอะไรที่ไม่คาดคิด ทำให้เราค่อนข้าง Shock พอสมควร ก็เลยว่าไหนๆ ทำไปแล้ว ทำตัวที่สองออกมาอีกดีกว่า

…ที่บอก “แม่ไม่ได้” คือแม่ผมไม่ได้จริงๆ ไง แล้วก็หลายคนที่เขาอยากจะได้ 3 บาท เขาก็ไม่ได้อยากได้ 3 บาท เพราะมัน 3 บาท คือคนไทยมีนิสัยชอบอะไรที่ได้แย่ง ได้แข่งขันกัน อย่างตัวแรกที่ออนแอร์ไปเว็บล่มเลย ครั้งที่สองไปขอคุณแม่มาแสดงโฆษณา คุณแม่ก็โอเค แต่คุณพ่อผมห้ามไว้ บอกไม่ได้หรอก เป็นท่านผู้หญิงแล้วนะมันไม่ไหว (ทำเสียงเลียนแบบพ่อ) แถมตลกอีก คุณแม่เลยเปลี่ยนใจ ผมเลยตัดสินใจแสดงเป็นคุณแม่เอง

Character ของนกแอร์จึงมาจาก Character ของพาที สารสินหรือไม่
ไม่จำเป็น เดี๋ยวนี้ทั้งทีม Character เป็นแบบนี้กันหมด

จากเดิมที่ไม่เอามากถึงขั้นนี้
เมื่อก่อนไม่ถึงขนาดนี้ แต่เดี๋ยวนี้ขนาด “Head of Captain” ยังกล้าแสดง ทำให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่แค่ผมที่มี Character อย่างนี้ ตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว

ทำอย่างไรให้คน Osmosis วิธีคิดแบบพาที สารสิน กระทั่งกลายเป็นฝูงบินเดียวกัน
ต้อง Make Sure ตลอดว่า Staff ของเรามีความสุข เราเป็นห่วงตลอดเวลา อย่างผมกับปิยะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก คนก็เห็นชัดเลยว่าคาแร็กเตอร์ของเราเป็นแบบไหน เราค่อนข้างติดดินกันมากๆ ลุย ไม่ถือตัว ทีมงานสามารถเถียงกับเราได้ ไม่มีคำว่าตัด พอมีความเป็นหนึ่งเดียวกันปุ๊บ Character มันจะรวมกัน …เป็นการขยายจากระดับ Top Management ไปยังระดับกลาง จะบอกว่าแต่ละคนเป็นแบบนี้หมด มันก็ไม่ใช่หรอก เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ Featuring ของ Character มันก็เริ่มมีให้เห็นลงไปถึงระดับล่างแล้วด้วย

วิธีการนี้ช่วยให้เราปลูกฝังคนในองค์กรอย่างไร
โดยทั่วไป การทำงานของบริษัทต้องอยู่ที่ Leadership ถ้าเรา “Lead by example” คนอื่นก็จะ Follow อย่างเช่น สังเกตได้ว่าองค์กรไหนเจ้านายแต่งตัวแพงๆ ลูกน้องก็จะแต่งตาม อย่างน้อยระดับ Top Management แต่ผมมองว่า ยิ่งทำให้ตัวเราดู “แพง” ขึ้นเท่าไร การที่ลูกน้องจะต้องมานั่งแสวงหาเงินเพิ่มเติมกับสิ่งที่ไม่จำเป็นจะเพิ่มมากขึ้น วิธีการที่ดีที่สุดคือ เราแต่งตัวให้โลโซที่สุด นี่ก็จะเปลี่ยนเป็นใส่ยีนส์ไปทำงานแล้ว หรือตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ ผมซื้อ i-Phone มาจากอเมริกา แป๊บเดียวทีมงานหลายคนเริ่มมีกันหมด นี่เป็นแค่ Small Example แต่มันแสดงถึงวัฒนธรรมองค์กรในการทำงาน Whatever the boss does ลูกน้องจะทำตาม

วิธีการปลูกฝังนี้ส่งผลต่อแบรนด์หรือ Product ของเราอย่างไรบ้าง
สิ่งสำคัญของสายการบินคือ Service ถ้าเราตั้งใจให้บริการ ลูกน้องก็ตั้งใจ …Why don’t we do the same? Everything comes back to a leader เหมือนกัน

Service คือความตั้งใจหลักของนกแอร์
Service เป็นความตั้งใจของนกแอร์อยู่แล้ว แต่ความต้องการหลักของผมกับปิยะคือ “actually to helpประเทศไทยจริงๆ” ไม่ได้ต้องการจะรวยล้นฟ้า เพราะเราก็ควักกระเป๋ากันเองเยอะมาก …มันเป็นความฝันที่อยากให้คนไทยได้มีโอกาส We do cost we want to ไม่ได้ทำเพื่อภาพลักษณ์

ถ้าวันนี้พาทีไม่ได้บริหารงานให้สินค้าหรือบริการแบบ Mass อย่างนกแอร์ แต่ต้องทำงานให้แบรนด์พรีเมียม พาทีต้อง Grooming เพื่อสื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยรึเปล่า
No, you don’t have to become what you are or what you sell. ไม่จำเป็นเลย เอาอย่างนี้ดีกว่า พูดตามตรง ผมก็ไม่ใช่คนที่รวยมาก คนคิดว่าผมรวยมาก แต่…no…not at all โอเค บ้านอาจจะสวยหน่อย คุณแม่สร้างให้ พ่อแม่ลงทุนเองด้วยความที่เขาอยากให้มันออกมาดี แต่ “I don’t have a car!” รถของตัวเองยังไม่มีเลย ถ้าเอารถบริษัทไป วันนี้กลับแท็กซี่ได้เลย เพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยวกับว่าเราทำงานให้อะไร แต่เราต้องวาง Position ของแบรนด์แต่ละอันให้เหมาะกับ Target Consumer เพราะฉะนั้นมันคงไม่ใช่ภาพเราใส่กางเกงยีนส์ไปเปิดงานที่โอเรียนเต็ล อันนี้คงลำบาก เพียงแต่ว่า “วิธีการใช้ชีวิต” ของเราไม่จำเป็นต้องโอเรียนเต็ล

จริงๆ เป็นคน Mass มาแต่เด็ก เพราะไปอยู่อังกฤษตั้งแต่เด็ก อยู่โรงเรียนประจำพอมาอยู่อเมริกาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไร เรียนจบกลับมาก็ทำงานที่ CP ไปเลี้ยงไก่ …See it all, you know? ผมรู้สึกว่าได้ทำอะไรทุกอย่างในชีวิตแล้ว รู้สึกว่าตายไปก็คุ้มแล้วล่ะ โดยเฉพาะตั้งแต่มาอยู่นกแอร์ ทำทุกอย่างเลยทั้งเล่นดนตรี กีฬา แสดงหนัง ทำหมดแล้ว

แนวคิดเพื่อ mass ในเชิงการตลาด
ต้องเข้าใจเขา เป็น “Experienced Marketing” อย่างการที่ผมจะ Launch ดีแทคสมัยก่อน ต้องเข้ากับ Mass ให้ได้อยู่แล้ว เราศึกษาแบรนด์กับเขา ทำงานร่วมกับเขา ได้ปรึกษาพูดคุย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรารับรู้ทั้งหมด ผมเอามา Apply หมดเลย เช่น จะถามคนระดับ Mass ทั่วๆ ไปว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หลายอย่างไม่สามารถ Deliverได้แต่หลายอย่างก็ทำได้ เพราะฉะนั้นถามว่าผมเข้าถึงคนระดับล่างไหม…พอสมควรเลยทีเดียว

วิธีการอื่นๆ ที่เป็นรูปธรรมในเข้าถึงชาว Mass
Marketer เก่งๆ ต้องเป็น “Observer” ที่เก่งด้วย เวลาเดินไปไหนต้องช่างสังเกต เวลาผมไปต่างประเทศต้องสังเกตทุกครั้ง คอยมองว่าอันนั้นได้ไหม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เราจะ Absorb ตลอดเวลา เสร็จปุ๊บก็เอาแบรนด์ที่เรา Look on มา Apply เอากลับมาปรึกษาทีมว่า ทำไมนกแอร์ไม่มีอย่างนั้นอย่างนี้บ้าง เพราะบางทีหลายๆ อย่างที่เมืองนอกมันก็ไม่เหมาะกับบ้านเรา ซึ่งทีมจะช่วยตรงนี้ เราก็เอามาเป็น Recommend

จุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของพาที
ตั้งแต่เข้ามาทำนกแอร์ 3 ปีมานี่เหนื่อยทั้งใจและกาย กายน่ะไม่เท่าไร แต่เหนื่อยใจมากกว่า เหนื่อยความคิด ต้องคิดตลอดเวลาว่าเวิร์คมั้ย

จากที่เมื่อก่อนยังไม่รู้เลยว่า Load Factor คืออะไร
ใช่ แต่ตอนนี้รู้หมดแล้ว เข้าใจหมดแล้ว

เท่าไรในตอนนี้
เดือนนี้ 80-90%

เทียบกับช่วงแรกๆ
วันแรกแค่ 30% ก็ดีใจแล้ว Revenue ล้านแรกก็ดีใจจะตายแล้ว เดี๋ยวนี้ 16-17-18 ล้าน มันไม่น่าเชื่อว่า 3 ปีที่แล้วเรายังล้านเดียวอยู่เลย

เบ้าหลอมของพาที สารสิน ในวัยเด็กเป็นอย่างไร จึงซ่าส์ บ้า แหวกแนว และทำไปได้ถึงเพียงนี้!
นั่นสิ ผมไม่รู้จริงๆ ว่า ทำไม อาจจะด้วยความที่อยู่เมืองนอกมานาน เลยเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย เราไม่ได้มองที่เขาแต่งตัวแบบไหนเลย คนข้างถนนก็คุยได้ปกติ ไม่ได้มานั่งคิดว่าเราเป็นใคร อุ๊ย…คุยไม่ได้ ถ้าคิดอย่างนั้นคิดผิด เท่ากับว่ายูตัดความรู้ อาจไม่ได้ความรู้ใหม่จากเขา ทั้งๆ ที่เขาอาจไม่ได้มีความหมายกับชีวิตของเราเลย …but one day you might ซึ่งหลายหนก็เป็นอย่างนั้น

เช่นครั้งหนึ่ง ตอน 11 ขวบ ผมอยู่ที่อังกฤษ รถไฟใต้ดินมันปิดแล้ว ขอทานเต็มไปหมด แต่มีคนหนึ่งเอาเหล้ามาให้ผมกิน เขานึกว่าเราหนาว ซึ่งจริงๆ คนข้างถนนอย่างเขาไม่จำเป็นต้องให้เราก็ได้ แต่เมตตาจิตของเขาสูง เรารู้ว่าเขามีเท่านั้น เขายังอุตส่าห์ให้ก็เลยได้รู้สึกว่า ไอ้เราก็มีเงินนะ ตอนเช้าเราค่อยมาขึ้นรถไฟก็ได้ แต่เขาไม่มีอะไรเลยจริงๆ มีแค่ขวดเหล้า แต่กลับ Offer ทำให้เห็นได้ชัดว่า Basic Element ของคนอยู่ที่ใจจริงๆ บางคนรวยแทบตายกลับขี้เหนียว ต่อราคากับแม่ค้าน่าดู ถืออำนาจวาสนาก็มี สำหรับผม…no ผมบอกกับลูกน้องเสมอ ยิ่งสูงเท่าไรก็ยิ่งเป็นทาสมากขึ้นเท่านั้น อย่างผมนี่เป็นทาสเลย ถามสิ พวกเขาสั่งผมทำนั่นทำนี่ทั้งวันเลย

ที่ผ่านมามักได้ยินแต่ความสำเร็จของพาทีตามสื่อต่างๆ ได้เคยรู้จักความล้มเหลวบ้างหรือยัง
No ยังไม่ประสบความสำเร็จนะ Work in progress อยู่… “ดับเบิ้ลยู-ไอ-พี” คือวันนี้ขึ้นได้ พรุ่งนี้ก็ลงได้ It’s never until you…เลิกทำมันแล้ว

แต่หลายคนมักทึกทักว่า นี่ล่ะคือดรรชนีชี้บ่งความสำเร็จ
Exactly, that’s Ego. But Patee is not

พาทีไม่มี Ego หรือไม่
Ego Part คือส่วนที่ทำให้คนเรารู้สึกว่าตัวเองชนะ ผมตื่นมาทุกวัน คิดตลอดเวลา มีผิดพลาดได้เสมอ

อะไรเป็นแรงผลักดันในการทำงานให้พาทีและเหล่านกยิ้ม
Just Enjoy เกิดมาหนเดียว ทำงานหนัก ถ้าไม่ Enjoy ก็อย่าทำดีกว่า แล้วยิ่งถ้าได้ทำกับคนที่เราอยากร่วมงานด้วย เพื่อน คนสนิท เขา Happy, สนุก เราก็สนุก เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่าพาทีเก่ง No…ทีมงานเก่งต่างหาก

คนที่เก่งกว่าน่าจะเป็นจ่าฝูงผู้รวบรวมและนำทางกำลังพล
You can be lucky or not แต่สิ่งสำคัญที่ผมต้องการจะกระตุ้นทุกคนให้ Enjoy Featuring แล้วจะได้ทำงานออกมาดี สังเกตได้ว่าคนไหนที่ Enjoy กับงาน งานจะออกมาดี

ต้อง Build พวกเขาตลอดเวลา
ใช่ หน้าที่ของเราคือ Build, you have to. เรามี Experience มี Character ตลกๆ ที่จะ Build เขาให้หัวเราะได้อยู่แล้ว

ถ้าพาทีเป็นสินค้าหรือบริการ จะนิยามแบรนด์ของตัวเองอย่างไร
“กล้าได้ บ้าดี” มันมี 2 มุมแล้วแต่คนจะมองดีกว่า ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหา ถ้าคนสามารถจำแบรนด์ของเราได้ ไหนๆ ก็กล้าบ้าแล้ว ช่วยซื้อหน่อยแล้วกัน

จึงไม่ได้แคร์ว่าที่เราออกสื่อไป จะฮาเกินหน้าชาวคณะชวนชื่น
แคร์ Image ทำไม เสียเวลามานั่งคิด ปวดหัวเปล่าๆ เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ทำอะไรที่เสียหายกระทบคนอื่นเท่านั้นเอง แต่ถ้าสำหรับตัวผมเอง…Leave it มันเป็นอะไรที่ Enjoy ไม่คิดอะไรมาก แสดงไป สนุกไป

ที่เห็นใน TVC คือเล่นสด ไม่มีการซ้อม
ใช่ ถ่ายเลย เอาแบบนี้ Script คิดเอง เพื่อนเราก็บ้าไปด้วย…ถามกัปตันว่า กล้ารึเปล่า กัปตันบอกโอ…ชัวร์

ปี 2551 ตั้งเป้ากับตัวเองไว้อย่างไร
ต้องทำอะไรให้ดีขึ้น แล้วก็หวังว่านอกจากนกแอร์จะชนะใจคนไทยแล้ว เราต้องการชนะใจต่างชาติด้วย ยากขึ้น แต่มันก็เป็นความท้าทายอีกอันหนึ่ง

ปีหน้าสำหรับนกแอร์
ปีหน้านกแอร์หรือจ้ะ A lot of fun full, there’s a lot going on next year. สนุกและตื่นเต้น Work in progress อยู่ ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี แต่บอกได้เลยว่าคนจะพูดถึงกันทั่วโลก

มั่นใจขนาดนั้น
Yes! แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ มัน Confidential ต้องให้เสร็จก่อน รับรอง Shock แน่ Extraordinary แล้ว ที่เราทำคือเพื่อให้ทั่วโลกเห็นความต่างของนกแอร์

เป็นอะไรที่สายการบินอื่นยังไม่เคยทำมาก่อน
ในเอเชียแปซิฟิกยังไม่มี …ในโลกนี้มีใกล้เคียงแต่ยังไม่ถึงขนาดของเรา

อธิบายปรากฏการณ์ที่มีไมค์บูมและกล้องวิดีโอ 2-3 ตัว ตามจ่อเก็บภาพและเสียงของพวกเราอยู่ในขณะนี้
คือเรากำลังทำสารคดีเกี่ยวกับ Nok Airlines ให้ Discovery Channel ทั้ง bad and good side ไม่ได้ชมนกแอร์นะ …It’s to show problems เพิ่งเริ่มถ่ายได้ 1 อาทิตย์ กำหนดถ่ายจริงนาน 3 เดือน เราติดต่อเข้าไปเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคอนเซ็ปต์ด้านการศึกษาเลยได้ออกอากาศฟรี

เพื่อโปรโมตแบรนด์?
Yes and No คือเราต้องการให้คนได้เห็นภาพการทำงานของสายการบินจริงๆ …How we actually do Nok Airlines อย่างเวลาประชุม เถียงกันก็ให้เห็นเลย หรือเวลาเครื่องบินดีเลย์ ข้างหน้าด่า ข้างหลังก็โดนกระจาย อย่าง International Flight ที่ไม่ได้โชว์ Opening Show ที่ฮานอย มันยากแค่ไหน …to get there

ได้ประโยชน์ในด้าน Branding
แน่นอน มันจะเป็น History อย่างหนึ่งที่เราจะแสดงให้เห็นว่า It’s not an easy job จะเปลี่ยนไฟลท์, Cancel, Delay ที Process มันยาวยืด จากเรื่องเล็กนิดเดียวสามารถกลายไปเป็นเรื่องใหญ่ได้

บทสรุปความสำเร็จของผู้บริหารหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้คงยังคงไม่มีที่สิ้นสุด ตราบเท่าที่เขายังไม่ Landing อย่างที่ว่า …“ช่วงนี้มีแต่คนจะจ้างให้ Rebrand ให้” พาทีพึมพำกับ POSITIONING หลังสิ้นสุดการสนทนาทางโทรศัพท์ ด้านหนึ่งแสดงถึงความสามารถจำเพาะของ “พาที สารสิน” ขณะที่อีกด้านสะท้อนถึงภาพใหญ่ของเศรษฐกิจบ้านเราที่ผู้ประกอบการต่างต้องปรับตัวในภาวะวิกฤต

ผลงานความไฮเปอร์ล่าสุดของ “พาที สารสิน” คือการ “เล่นหนัง” เรื่อง Valentine นำแสดงโดยวีเจจ๋า-ชาคริต และร่วมเล่นคอนเสิร์ตกับฮาร์ด-สุทธิพงษ์ ทั้งนี้เจ้าตัว Confirm ว่า “Everything I do is always come back to Nok Airlines”

18 ธ.ค. 2550 พาที สารสินจะทำการเปิดร้าน “ก๋วยเตี๋ยวเรือ” เมนูโปรดในชื่อ (ร้าน) แปลกๆ… “ดุ๋งเด้งได้” ย่านทองหล่อ ตอนบ่ายเพิ่มเสิร์ฟกาแฟโบราณ ซึ่งมีลุคประมาณสตาร์บัคส์ ทว่า ตกดึกกลายสภาพเป็นผับชื่อ “Noofee Pub” ทันที (มาจาก Noodle + Coffee)

ไม่มีนโยบายบินฟรีที่นกแอร์ ผู้บริหารต้องจองล่วงหน้าและเสียค่าโดยสารเหมือนชาวบ้านทั่วไป

ชื่อสายการบิน “นก” มาจากชื่อเล่นของเพื่อนรัก “ปิยะ ยอดมณี” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสสายงานจัดการธุรกิจในปัจจุบัน

Profile

Name: พาที สารสิน (ดุ๋ง)
Born: 24 ตุลาคม 2506
Education:
มัธยม Kings School, Canterbury, England
ปริญญาตรี Business Administration and Computer Science, Clark University, Massachusetts, USA.
ปริญญาโท Mass Communication Film and Video, American University, Washington D.C., USA.
Career Highlights :
2547 – Present CEO of “Nok Airlines”, Chairman of Bates & 141 (Thailand)
2542 – 2547 Managing Director & CEO, 141 Thailand
2535 – 2547 Managing Director & CEO, Bates Advertising Thailand
2534 – 2535 General Manager, Multi Media Orbit (Bangkok)
2532 – 2535 Creative Director, SPA Advertising (Bangkok)