ปี 2008 ที่ทั้งสำนักเศรษฐศาสตร์และโหราศาสตร์ ต่างชี้เปรี้ยงว่าเศรษฐกิจไทยตกอยู่ในภาวะซบเซาอย่างหนัก อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีไม่เกิน 5% ทำให้นักลงทุนทั้งในตลาดทุนและตลาดหุ้นต่างต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อให้ได้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุด แต่…การลงทุนมีความเสี่ยง… ซึ่งจะมากหรือน้อย และการลงทุนประเภทใดน่าจะมีแนวโน้มเติบโตไปได้สวยในปี 2008 ลองฟังคำแนะนำจาก “วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย
เริ่มจากการประเมินภาวะเศรษฐกิจทั่วไป เพื่อปูทางการตัดสินเลือกการลงทุน “วิวรรณ” บอกว่าคาดจีดีพีไทยในปี 2008 เติบโตประมาณ 4-5% จากปัจจัยบวกที่เป็นเป็นผลมาจากการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลที่เข้ามาใหม่
ส่วนปัจจัยลบที่ยังฉุดภาวะเศรษฐกิจคือปัญหาราคาน้ำมัน ที่คาดว่าจะสูงทรงตัวอยู่ที่ 80-100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้วยคุณภาพ (ซับไพร์ม โลน) ในสหรัฐอเมริกาซึ่งจะมีผลเสียสาหัสมากเพียงใด ต้องรอดูข้อมูลผลประกอบการของบริษัท และสถาบันการเงินต่างๆ ในต่างประเทศ ช่วงไตรมาสแรกปี 2008
สิ่งที่ต้องจับตามองอีกประการหนึ่งคืออัตราแลกเปลี่ยน “วิวรรณ” บอกว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น แต่ทางการคงมีการแทรกแซงไม่ให้แข็งค่าเกิน 32 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งเป็นสำคัญ หากรัฐบาลใหม่ไม่มั่นคง ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าลง เพราะขาดความเชื่อมั่น ทำให้เงินไหลเข้าไม่สูง แต่หากรัฐบาลมีเสถียรภาพเงินไหลเข้าจากต่างชาติต่อเนื่อง การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาก และสภาพคล่องในโลกสูง ส่งผลเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดทุนนั้น “วิวรรณ” วิเคราะห์ว่า ตลาดตราสารหนี้อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ มีการออกตราสารหนี้มากกว่าปี 2007 และมีผลตอบแทนในเกณฑ์ดี เพราะปัจจัยบวกจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเฉลี่ยตลอดปี ที่ 2.5-3.5% และสภาพคล่องธนาคารในระดับสูง
สำหรับตลาดหุ้นในระยะสั้นมีความผันผวนกว่าปี 2007 แต่ยังเชื่อว่าในระยะยาวแนวโน้มดัชนียังขาขึ้น จากปัจจัยบวกเรื่องอัตราดอกเบี้ย และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น และการขยายกำลังการผลิตของภาคเอกชน
ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้น และกองทุนรวมประเภทอื่นยังมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดี แม้ว่าภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะผันผวน หากเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ โดยกองทุนหุ้นให้ตอบแทนประมาณ 12-15% ส่วนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมีผลตอบแทนประมาณ 4-4.5% ระยะสั้นประมาณ 2.5-3%
อย่างไรก็ตาม การลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในตลาดหุ้นและตลาดทุน ลืมเสียไม่ได้กับประโยคที่คุ้นหูว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวังก่อนการตัดสินใจ…”
เปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุน
ดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ย 2.25%
กองทุนหุ้น 12-15%
กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว 4-4.5%
กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 2.5-3%
หุ้น 20-25%