ด้วยกระแสธารของสินค้าใหม่ในญี่ปุ่นที่หลั่งไหลออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ ในแง่ผู้ใช้แล้วคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดตามนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ครบทุกความเคลื่อนไหว แต่จากนี้ไปการอัพเดตข้อมูลแบบก้าวต่อก้าวจะกลายเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งขึ้น ที่ Sample Lab! แหล่งรวม “สินค้าตัวอย่าง” ที่ทำให้ของแจก กลายเป็นของมีมูลค่า ดึงดูดผู้คนเข้าแถวรอชม ไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง ผู้ชมเหล่านี้ยังเป็นฐานข้อมูลชั้นดี ให้กับสินค้าแห่งอนาคต
ญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสินค้าออกใหม่มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก การจัดงานเปิดตัวสินค้าให้ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลข่าวสารของผลิตภัณฑ์ และได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับสินค้าจึงเป็นเรื่องจำเป็น แต่การจัดงานก็อาจไม่คุ้มค่านัก หากมีบ่อยเกินไป และไม่สอดคล้องกับลูกค้า ที่ต้องเจียดเวลาไปเดินชมงานในวันธรรมดา
แม้จะเลี่ยงมาเปิดตัวสินค้าในช่วงวันหยุด เพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถปลีกธุระประจำวันไปเดินชมงานในวันธรรมดาได้ ก็ต้องคิดถึงปัจจัยเรื่องของเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน ซึ่งมักเป็นศูนย์ประชุมตั้งอยู่อยู่รอบนอกเมือง และถ้าอีเวนต์ ไม่สามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานไม่มากนัก และมีผู้เข้าชมงานไม่มากพอ ก็อาจส่งผลกระทบในเรื่องความคุ้มทุน
ความพยายามที่จะอุดข้อจำกัดเหล่านี้จึงเป็นที่มาของ “Sample Lab!” ที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแม่แบบของ Next Generation สำหรับการจัดแสดงและนำเสนอสินค้าล่าสุดในญี่ปุ่น โดยเน้นสินค้าในหมวดของอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และเครื่องไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงาม ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการเปิดตัวมากที่สุด
ในอีกด้านหนึ่งก็สามารถตอบสนองผู้บริโภคในการติดตามนวัตกรรมใหม่ของสินค้า ท่ามกลางกระแสธารของสินค้าใหม่ในญี่ปุ่นที่หลั่งไหลออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ได้ง่ายดายขึ้น
กระบวนทัศน์ สำคัญที่เป็นเสมือน 2 ขั้วแม่เหล็กดึงดูดความสนใจของผู้คนให้แวะเวียนเข้ามา Sample Lab! ได้บ่อยเท่าที่ต้องการนั้น ขั้วหนึ่งเกิดจากการเลือกทำเลย่าน Harajuku ในใจกลางมหานครโตเกียว โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีจากสถานีรถไฟ JR Harajuku ของสาย Yamanote ที่แล่นเป็นวงแหวนรอบเมืองหลวงหรือ 4 นาทีจากสถานี Meijijingumae ของรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda นั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่หยิบยื่นความสะดวกทั้งเวลาหลังเลิกงานหรือในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเปิดทำการตลอดปีตั้งแต่ 11.00-21.00 ทุกวันยกเว้นวันอังคาร
ส่วนอีกขั้วหนึ่งคงไม่พ้นเรื่องของความครบถ้วนของข้อมูลสินค้าล่าสุดตามความสนใจของแต่ละคน อีกทั้งความหลากหลายของสินค้าที่จัดแสดงใน Sample Lab! ที่มีการหมุนเวียนเปลี่ยนใหม่ทุก 2 สัปดาห์ซึ่งเท่ากับว่ามีการจัดงานแสดงสินค้าใหม่ๆ 24 ครั้งต่อปี
แม้ว่า Sample Lab! จะเปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปและอาศัยอยู่ในประเทศ ญี่ปุ่น แต่เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ที่วางไว้สิ่งแรกที่ผู้สนใจมาชมงานที่นี่คือ ต้องสมัครเป็นสมาชิกของ Sample Lab! เสียก่อน หลังจากชำระค่าลงทะเบียนแรกเข้าเรียบร้อยแล้วจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาจนกระทั่งกลับออกไปตลอด 1 ปีเต็ม
การดำเนินการของ Sample Lab! ที่โดดเด่นและแตกต่างจากงานแสดงสินค้าในรูปแบบเดิมอยู่ที่การโฆษณาเผยแพร่สินค้าใหม่ ที่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสบการณ์ตรงจากการทดลองใช้สินค้าตัวอย่าง (Sample) โดยไม่เน้นการจำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษ
ด้วยปรัชญาดังกล่าวของ Sample Lab! เชื่อมั่นได้ว่าสามารถสร้าง Brand Royalty ให้เกิดขึ้นได้หลังจากที่ลูกค้าเกิดความเข้าใจและประทับใจในสินค้า ซึ่งเป็นกลวิธีที่ผูกมัดใจลูกค้าด้วยคุณภาพและ/หรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้นๆ มากกว่าเน้นเรื่องราคา
ในการมาสำรวจสินค้าใหม่ที่ Sample Lab! แต่ละครั้ง ยังสามารถเลือกนำเอาสินค้าตัวอย่างกลับบ้านได้ 5 ชิ้นฟรี หากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าจะสามารถทดลองใช้และขอคำปรึกษาได้จากพนักงานได้โดยตรง (ขึ้นกับชนิดของเครื่องใช้ไฟฟ้า)
ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่า Sample แต่ละชิ้นที่ลูกค้าได้เลือกนำกลับไปทดลองใช้นั้นตรงตามความสนใจ แต่ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นี้ เพราะจุดสำคัญอยู่ที่หลังจากนั้น Sample Lab! จะส่งแบบสอบถามผ่านอีเมลเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน คำตอบที่ได้จากแบบสอบถามนั้นจะนำข้อมูลที่เกิดจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ให้ผู้ผลิตนำไปปรับปรุงสินค้าต่อไป
เพื่อเป็นกระตุ้นให้มีผู้ตอบแบบสอบถามส่งกลับภายในเวลาที่กำหนด ก็จะได้คะแนนสะสมเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งมีคะแนนสะสมมากเท่าใด ก็สามารถนำสินค้าตัวอย่างกลับบ้านได้มากขึ้นเท่านั้น
หากมองจากฐานะของผู้ผลิตแล้ว นอกจาก Sample Lab! จะเป็นเวทีสำคัญในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าใหม่ได้ตรงจุดแล้ว ยังถือเป็น “มหาสมุทร” ข้อมูลที่ล้ำค่าสำหรับการพัฒนาสินค้าหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด โดยที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการออกบูธในงานแสดงสินค้าใหญ่ๆ อย่างที่ผ่านมา
ดังนั้นการเปิดตัวของ Sample Lab! เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา จึงไม่ได้กำเนิดขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย หากเปี่ยมไปด้วยอรรถประโยชน์ของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สอดคล้องเกื้อหนุนซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่น
หมายเหตุ วิธีการ ขั้นตอน และรูปแบบใหม่ของการดำเนินธุรกิจที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคอันทรงประสิทธิภาพของ Sample Lab! นี้กำลังอยู่ระหว่างการยื่นจดลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ไป Sample Lab! ต้องเตรียมตัวอย่างไร
Sample Lab แห่งนี้ ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของอาคารสถาปัตยกรรมทรงภูเขาน้ำแข็งสมชื่อ Iceberg ในย่านฮาราจูกุ (Harajuku) กลางกรุงโตเกียว
ผู้ที่จะเข้าชมสถานที่แห่งนี้ได้ ต้องมีอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และต้องมีโทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ และใช้บริการของ Docomo, Au หรือ Softbank และที่สำคัญต้องรู้ภาษาญี่ปุ่น เพราะข้อมูลทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่น ทั้งรายละเอียดของสินค้า และแบบสอบถามที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น
ค่าใช้จ่าย
ค่าสมาชิกแรกเข้า 300 เยน
ค่าสมาชิกรายปี 1,000 เยน
ค่าต่ออายุสมาชิกในปีถัดไป 1,000 เยน
การสะสมคะแนน
การให้สมาชิกสะสมคะแนน เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งในการดึงให้สมาชิกเข้าชม Sample Lab และตอบแบบสอบถามอย่างต่อเนื่อง
ถ้าสมัครสมาชิกแรกเข้า 100 คะแนน เมื่อเข้าชมงานจะได้ 10 คะแนน (1 ครั้งต่อวัน) เมื่อนำตัวอย่างสินค้ากลับบ้านได้รับ 5 คะแนน และถ้าตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับสินค้าที่เลือกนำกลับไปทดลองใช้ จะได้รับคะแนน 5-20 คะแนน เมื่อตอบแบบสอบถามทางเว็บไซต์ และตอบทางโทรศัพท์มือถือจะได้ 5-10 คะแนน และหากแนะนำสมาชิกใหม่จะได้รับ 200 คะแนน และถ้าเป็นวันเกิดจะได้เพิ่มอีก 50 คะแนน
– เมื่อตอบแบบสอบถามทางเว็บไซต์ 5-20 คะแนน
– เมื่อตอบแบบสอบถามทางโทรศัพท์มือถือ 5-10 คะแนน
– แนะนำสมาชิกใหม่ 200 คะแนน
– วันเกิด 50 คะแนน
ประเภทสมาชิก
มี 3 รูปแบบ ขึ้นอยู่คะแนนสะสม และจำนวนของตัวอย่างที่นำกลับบ้าน
Lab Career : หลังจากสมัครสมาชิกสามารถนำ Sample กลับบ้านได้ 5 ชิ้นต่อครั้ง
Lab Master : เมื่อสะสมคะแนนถึง 10,000 ซึ่งสามารถนำ Sample กลับบ้านได้ 7 ชิ้นต่อครั้ง
Lab Expert : เมื่อสะสมคะแนนถึง 20,000 ซึ่งสามารถนำ Sample กลับบ้านได้ 10 ชิ้นต่อครั้ง
สิทธิพิเศษอื่นๆ ของสมาชิกจะเพิ่มขึ้นตามระดับคะแนนสะสม