HBO, STAR MOVIES, AXN, National Geographic, Discovery, Animal Planet, CNN, BBC ช่องสาระบันเทิงและช่องข่าวต่างประเทศเหล่านี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งในแม่เหล็กตัวแรกของทรูวิชั่นส์มาเนิ่นนาน และแม้ทุกวันนี้ถูกท้าทายจากละเมิดลิขสิทธิ์ และการลักลอบใช้สัญญาณโดยผิดกฎหมาย แต่กระนั้นด้วยคอนเทนท์ที่ผ่านการเลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดี รวมถึงการแปลพากย์ที่มีคุณภาพ ก็ทำให้ทรูวิชั่นส์ยังคงสถานะเป็นตัวเลือกแรกของคอบันเทิงอินเตอร์อยู่เช่นเคย
อนันต์ เชี่ยววารีสัจจะ Senior Manager, International Channel & Localization บมจ. ทรูวิชั่นส์ เปิดเผย คลังอาวุธของ International Content กับ POSITIONING อย่างละเอียดว่า
แม้ด้าน International Content จะยังไม่มีนโยบายเพิ่มช่องใหม่ แต่เขาบอกอย่างมั่นใจว่าช่องสาระบันเทิงต่างประเทศโดยเฉพาะหนัง สารคดี และข่าวที่ดีที่สุดในโลกอยู่กับทรูวิชั่นส์หมดแล้ว ขณะที่ช่องทางเลือกอย่าง Aljazeera, Arirang หรือ KBS ที่อยู่ในเคเบิ้ลท้องถิ่นทั้งหลาย เขาบอกว่าคุณภาพและการยอมรับ ยังเทียบไม่ได้ช่องอย่าง CNN และ BBC ซึ่งทรูวิชั่นส์เลือกที่จะโฟกัสในช่องหลักเหล่านี้มากกว่าที่จะลงทุนเพิ่มเติมแต่ได้ประโยชน์น้อย
“คอนเทนท์ต่างประเทศหลักๆ ที่เรามี ถือว่าครบถ้วนและพอเพียงแล้ว แต่แน่นอนว่าถ้ามีช่องใหม่ๆ ที่ดีและน่าสนใจเราก็จะพิจารณา
ด้วยวาไรตี้ของช่องบวกกับวาไรตี้ของเนื้อหาและรูปแบบของแต่ละช่องที่มีอยู่แล้ว ทำให้อนันต์เชื่อว่าเกมธุรกิจนี้ของทรูวิชั่นส์เดินมาถูกทางแล้ว
ด้านจุดขายหลักแน่นอนว่าต้องเป็นคอนเทนท์อยู่แล้ว ดังนั้นทรูวิชั่นส์เปิดเผยคลังอาวุธ โปรแกรมฮอตปี 2551 ที่จะมากระชากเรทติ้งและเอาใจสมาชิกทรูวิชั่นส์ ซึ่งยังคงเข้มข้นด้วยภาพยนตร์ Big Name เช่นเคย อาทิ HBO Home Box Office เป็นช่องที่รวบรวมหนังทำเงินระดับ Box Bluster คือเกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีหนังดังพาเหรดออกอากาศมากมายทั้ง Spiderman 3, Transformer, 300, Ghost Rider, Dreangirls, Music & Lyrics, World Trade Center ด้าน HBO Signature จะเป็นช่องซีรี่ย์ ปีนี้จะมีซีรี่ส์เด็ดๆ มารอคิวฉาย อาทิ Big Love ซีซั่น 2 รวมถึงซีรี่ย์ฮอต The Sopranos ซีซั่น 5 และ 6 เป็นต้น
ขณะที่ HBO Family เน้นภาพยนตร์แนวครอบครัว มีเรื่องที่น่าสนใจ คือ The Iron Giant และ Zoom เป็นต้น และสำหรับช่อง STAR MOVIES มีหนังเด่นอย่าง Casino Royale และ The Black Dahlia จ่อคิวฉาย
ทั้งนี้ภาพยนตร์ที่จะออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ในปีนี้ สอดรับกับพฤติกรรมการดูภาพยนตร์ของคนไทยที่ชื่นชอบหนังบู๊ แอคชั่น แฟนตาซี ตลอดจนหนังชื่อดังที่ทำเงินมาแล้วทั่วโลก ขณะที่หนังรางวัลยังได้รับความสนใจน้อยอยู่
ส่วนช่องแฟมิลี่อย่าง Hallmark ก็ได้ขวัญใจอเมริกันชน Oprah Winfrey มาเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่กับ The Oprah Winfrey Show
สำหรับแฟน AXN ก็มีซีรี่ย์ที่ฮอตไม่เลิกราอย่าง CSI เป็นตัวนำ เสริมทัพด้วย 24, Fear Factor และ The Amazing Race Asia และน้องใหม่มาแรงสุดๆ คือ The Contender ที่มีรูปแบบแปลกใหม่เป็นการต่อสู้แบบชกมวยไทยทั้งการประหมัด ลับฝีแข้งของนักมวยชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเหมาะกับพฤติกรรมนักดูคนไทยที่นิยมการดูโชว์ต่อสู้ และนั่นทำให้อนันต์มั่นใจว่าเรื่องนี้จะติดลมบนอย่างแน่นอน
รวมไปถึงการแตกไลน์ออกช่องใหม่ที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่นช่อง HBO Hits, Family และ Signature รวมทั้งช่องต่างๆ ของ Discovery Channel ทำให้ผู้ชมที่ต้องการชมภาพยนตร์ และสารคดีโดยเฉพาะ มีทางเลือกมากขึ้น โดยเลือกซื้อแพ็คเกจเหล่านี้เพิ่มเติมได้ และจ่ายเฉพาะแพ็คเกจที่ต้องการดูเท่านั้น
“ด้วยช่องภาพยนตร์กว่า 10 ช่องของทรูวิชั่นส์ ทำให้ผมเชื่อว่าผู้ชมที่ชอบดูหนัง จะได้รับชมภาพยนตร์กันอย่างเต็มอิ่ม ทั้งภาพยนตร์เก่าและใหม่ หลากหลายรสชาติ ไม่มีที่ไหนให้ผู้ชมได้มากเท่านี้อีกแล้ว”
ก้าวเข้าสู่พฤติกรรมการับชมของสมาชิกทรูวิชั่นส์ อนันต์เผยถึงพฤติกรรมคนดูช่องต่างประเทศของทรูวิชั่นส์ที่น่าสนใจว่า จากการมอนิเตอร์รายการของทรูวิชั่นส์ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการดูของสมาชิก แพ็คเกจระดับบนว่าจะนิยมดูรายการข่าวต่างประเทศอย่าง CNNและ BBC ซึ่งเป็น Niche Channel มากกว่าช่องต่างประเทศอื่นๆ แต่หากเป็นในแพ็คเกจล่างๆ ช่องข่าวต่างประเทศที่กล่าวมาจะมีเรทติ้งไม่ค่อยดีนัก เมื่อเปรียบเทียบกับช่องบันเทิงเช่นหนังและสารคดี แต่ช่องข่าวต่างประเทศเหล่านี้จะได้รับความนิยม พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติหรือรุนแรงเกิดขึ้นอย่างเช่น กรณีการลอบสังหารนางเบนาซีร์ บุตโต ผู้นำฝ่ายค้านของปากีสถาน
ขณะที่ภาพยนตร์ที่ออกอากาศซ้ำหลายครั้ง ดูจะเป็นปัญหาที่ทรูวิชั่นส์เผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ กระนั้นอนันต์ชี้แจงว่า การรีรันในระบบเปย์ทีวีนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะคงไม่มีใครสามารถฉายหนังใหม่ได้ตลอดเวลา ด้วยต้นทุนการสร้างหนังที่พุ่งสูงขึ้น รวมทั้งปริมาณหนังที่ผลิตออกมาแล้วประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้มีมากถึงขนาดทำให้ฉายหนังใหม่ได้ทุกวัน ขณะเดียวกันการรีรันหนังที่เราชื่นชอบ ก็เป็นโอกาสที่คนดูซึ่งมีเวลาว่างไม่เหมือนกัน จะได้มีโอกาสรับชมหนังเรื่องนั้นได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ เพราะต้องยอมรับว่า บ่อยครั้งการได้ดูซำหนังที่เราชอบ ก็ทำให้เราเข้าใจหนังเรื่องนั้นมากขึ้น มีมุมมองใหม่ๆ และได้เห็นบางอย่างที่เรามองข้ามไปในการรับชมครั้งแรก และด้วยช่องหนังกว่า 10 ช่องที่เรานำเสนอ ผมเชื่อว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่งจะต้องมีหนังที่คุณจะหยุดดู และสนุกไปกับมัน
นับได้ว่า International Content จะยังคงเป็นหัวใจหลักที่รักษาฐานลูกค้าเดิมของทรูวิชั่นส์ไว้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็เป็นตัวเลือกลำดับต่อไปสำหรับสมาชิกที่จะก้าวขึ้นมาจากแพ็คเกจระดับล่างหลังจากอิ่มเอมกับ Local Content แล้ว
อนันต์ เชี่ยววารีสัจจะ Senior Manager, International Channel & Localization รับผิดชอบช่องต่างประเทศทั้งหมดที่ไม่ใช่รายการกีฬารวมทั้งหมด 40 ช่อง เขาทำหน้าที่เจรจาต่อรองซื้อช่อง, การทำสัญญา รวมถึง Day-to-Day Operation อีกทั้งยังดูแลการทำ Localization ดูแลการแปล พากย์ และทำซับไตเติ้ล
อนันต์เริ่มร่วมงานกับทรูวิชั่นส์เมื่อ 13 ปีที่แล้วตั้งแต่สมัยเป็น IBC ดูด้านโปรดักชั่นในประเทศ, การทำ กราฟิกต่างๆ และเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมาก็เข้ามารับชอบดูแลในเรื่องของรายการต่างประเทศ