คำต่อคำ กับ “ชาลอต โทณวณิก” กำลังถูกจับตามองว่า เธอจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าแม่วิก 7 คนต่อไป หลังจากที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ได้มีการยกเครื่ององค์กรครั้งใหญ่ อำนาจการบริหารที่เคยมีของ “คุณแดง” สุรางค์ เปรมปรีดิ์ กำลังสั่นคลอน อะไรคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “เจ้าแม่” และเป้าหมายการทำงานของเธอ
POSITIONING : คิดอย่างไรกับกระแสข่าวที่ว่า คุณชาลอตจะเข้าไปนั่งบริหารในช่อง 7 แทนคุณแดง
ชาลอต : พี่เป็นมีเดีย ออฟ มีเดียส์ เป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือช่อง 7 ช่อง 7 มีการเปลี่ยนแปลงอะไรพี่ไม่ทราบ ไม่เกี่ยวข้อง เรามีหน้าที่ทำของเราไป และขอเวลาทำรายการจากช่อง 7 ส่วนข่าวลือที่ออกมาช่วงนี้ค่อนข้างเยอะ อาจเป็นเพราะว่าช่อง 7 ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง พอเวลาเปลี่ยนแปลง มีการขยับตำแหน่ง ก็มีคนสนใจมาก
เรื่องการปรับตำแหน่งบางครั้งพี่ยังเพิ่งรู้เลย ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าพี่ไปเวียดนามกลับมาก็ประชุมกับทีมงาน บอกว่ากลับมาจะคุยเรื่องข่าวกับผู้จัดการฝ่ายข่าวคนเก่า ทุกคนทำหน้าเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว พี่ไม่รู้เหรอ
คนจะมองว่าพี่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ใครจะเป็นอย่างนั้นได้…หนึ่ง พี่ก็ลูกจ้างคนหนึ่ง สอง เปลี่ยนแปลงเพื่อให้พี่หรือเปล่า พี่ก็มองว่าจะเป็นไปได้ยังไง พี่ก็เป็นลูกจ้างคนหนึ่ง เราไม่ได้เป็นอะไร ผู้ถือหุ้นก็ไม่ได้เป็น การเปลี่ยนแปลงก็มาจากระดับสูงและระดับบอร์ด
แต่ว่าทุกวันนี้พี่เชื่อในความเปลี่ยนแปลง Belive in Change ทุกครั้งที่ไปบรรยายก็พูด เพราะสมัยนี้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ เหมือนจอห์นนี่วอล์กเกอร์ Keep walking เพราะว่าการแข่งขันรุนแรงมากๆ การแข่งขันด้วยตัวคู่แข่งโดยตรงด้วยกันเอง คู่แข่งใหม่ที่มีการปรับ อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาปรับ จากที่หลับๆ อยู่ก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงฉับพลัน เป็นสถานีข่าวมีข่าว 10 ชั่วโมง ก็เร่งให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลง
POSITIONING : ในฐานะนักการเงินและมาอยู่ในธุรกิจทีวีแล้วมองจุดอ่อนจุดแข็งช่อง 7 เป็นอย่างไรบ้าง
ชาลอต : ถ้ามองว่าเป็นจุดอ่อนคือช่อง 7 ไม่ค่อยพูด เวลาคิดอะไรทำอะไรไม่ค่อยพูด ชอบให้เห็นเองว่าฉันทำตรงนี้ ระหว่างคนพูดบ่อยก็เป็นข่าวบ่อย ทำให้รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงบ่อย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยพูดก็เลยรู้สึกว่าไม่เปลี่ยนแปลง จริงๆ อาจมีการซุ่มทำอะไรอยู่
จุดแข็งพี่เชื่อในศักยภาพ เชื่อในแบรนด์ของช่อง 7 ว่า ถ้าลุกขึ้นมาปรับ คิดว่าช่อง 7 อายุ 40 ปีในปีนี้ มีความเข้าใจในรสนิยมของผู้ชม และเข้าใจในธุรกิจโทรทัศน์ค่อนข้างมาก การที่มีความต่อเนื่องในผู้บริหารมาอย่างคุณสุรางค์ก็บริหารมา 26 ปี จะ 30 ปี ท่านก็ต้องเข้าใจในธุรกิจทีวีดีกว่าคนอื่น แต่ว่าจะปรับใหญ่ปรับเล็กก็เป็นนโยบายข้างใน ประธานของบริษัทก็เป็นคนที่มี Vision แต่ทั้งหมดทั้งปวง ในช่อง 7 ไม่มีใครชอบพูด พอไม่พูดก็หาว่าไม่เปลี่ยน ความจริงเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงกันข้างใน เหมือนกับในบ้าน มีการแบ่งบทบาทกัน แต่คนข้างนอกมองว่าตีกันอยู่ทะเลาะกันอยู่ จริงๆ เป็นการปรับในบ้าน
POSITIONING : ในฐานะที่มีเดียฯ เป็นบริษัทลูก เราทราบหรือไม่ปรับครั้งนี้เพื่ออะไร
ชาลอต : พี่ไม่รู้จริงๆ ว่า ช่อง 7 ปรับอะไรบ้าง ในภาพรวมของการทำธุรกิจมันก็ต้องคิด Change ธุรกิจตอนนี้ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ ยิ่งถ้าบอกว่าเบอร์ 1 ด้วยแล้ว พี่พูดถึงทุกธุรกิจ ไม่ได้มองเฉพาะทีวี พี่ว่าทุกคนก็ต้องเปลี่ยน คือเปลี่ยนโดย Diversify คือขยายไลน์กับขณะเดียวกัน Totally Change
POSITIONING : ในความเห็นส่วนมองว่าช่อง 7 ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง
ชาลอต : เก็บจุดแข็ง ปรับจุดอ่อน ถ้าเขามองว่าจุดแข็งคือละคร ก็คงต้อง Keep ไว้ แต่ว่าก็ต้องฟังด้วยว่าผู้ชมต้องการอะไร เพราะช่อง 7 รู้ในผู้ชมค่อนข้างดี ถ้าอะไรที่เขามองว่าผู้ชมเรียกร้องอยากให้ปรับ ก็อาจพิจารณาดูว่าจะปรับอะไรหรือเปล่า
ทุกช่องก็มีจุดแข็งจุดอ่อน วิเคราะห์แต่ละช่องก็มีตลาดของเขา จะบอกว่าฟรีทีวีแล้วเหมือนกันหมดก็ไม่ใช่ ช่อง 9 ก็เป็นอุดมปัญญา ละครกลางคืนที่แข่งกัน ช่อง 7 ช่อง 3 และช่อง 5 ก็เริ่มมา เรตติ้งบางวันก็ดีมาก บางเรื่อง สงครามนางฟ้า ซึ่งบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เขาก็ทำได้อยู่แล้ว เขาเข้าใจผู้ชม เพราะฉะนั้นก็เริ่มมีคู่แข่งขึ้นมา เช่น ช่อง 5 ถ้าเป็นข่าวช่อง 3 แข็งเรื่องข่าว มีเวทีให้ข่าวลงกว่า 30% ช่อง 11 ก็เอาทีมทีไอทีวีมา ช่องไทยพีบีเอส ก็มีข่าว ความรู้ ทุกช่องจะมีแฟนคลับในแต่ละกลุ่ม
POSITIONING : ตอนมาเป็นที่ปรึกษาทางการตลาดของช่อง 7 ความเปลี่ยนแปลงตอนนั้นคืออะไร
ชาลอต : พี่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาช่อง 7 ช่วงปี 2545-2548 ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจทีวี มี cycle ของมัน ช่วงนั้นช่อง 7 เรตติ้ง หรือแชร์ผู้ชมน้อยกว่าคู่แข่ง และเริ่ม Pick up พอดีคุณชลอ นาคอ่อน ที่เคยดูการตลาดอยู่ท่านป่วย พี่เองอยู่แบงก์ค่อนข้างเป็นภาพของนักการตลาด ก็เลยให้เป็นที่ปรึกษาการตลาดของช่อง 7 ว่าทำยังไงที่จะปรับปรุงเรื่องการขายโฆษณาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก็เข้าไปทำแพ็กต่างๆ กับเอเยนซี่ เริ่มสร้าง Relationship คือการพาเอเยนซี่ออกไปทัวร์ ใช้ประสบการณ์สมัยทำแบงก์ เคยทำ Press Tour ความจริง สมัยเงินดีๆ ก่อนเกิดภาวะวิกฤต เอเยนซี่เขาก็เที่ยวกันจนเบื่อ แต่ 5 ปีช่วงวิกฤตมาไม่มี เราก็ทำเป็นเจ้าแรก ตอนนี้ก็ทำกันเยอะแล้วหรือผู้จัดก็ทำเอง
POSITIONING : คุณชาลอตมาอยู่มีเดีย ออฟ มีเดียส์เต็มตัว ถือว่าเป็นการปูทางเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะเข้ามาในช่อง 7 ต่อไปในอนาคต
ชาลอต : สำหรับพี่ความพอใจ คือว่าถ้าเราได้สร้าง Success Story ของมีเดีย ออฟ มีเดียส์ และพี่มองตอนนี้ไม่ได้ถูกจำกัดเหมือนสมัยก่อนที่มี 6 ช่อง ตอนนี้เรามีโอกาสทำทีวีดาวเทียม ตรงนี้จะเป็นสิ่งที่เราสร้าง Success Story ได้
ถ้าถามว่าพี่จะเป็นเจ้าแม่มั้ย พี่จะบอกว่าพี่จะเป็นเจ้าแม่ แต่ว่าเจ้าแม่ของพี่คือเจ้าแม่ธุรกิจบันเทิง หรือไม่ก็เป็นเจ้าแม่ทีวีดาวเทียม เจ้าแม่ที่มีรายการไปอยู่ในเคเบิลทีวี ตรงนั้นพี่ว่าเป็น Success Story เพราะว่าการแข่งขันมันมีการแข่งขันใหม่เข้ามา พี่ Prefer ที่จะไปในสายอย่างนั้นมากกว่า มากกว่าสิ่งที่คนอื่นมองว่าจะเข้าช่อง 7
ช่อง 7 เป็น Success Story ของคุณแดง และท่านก็เป็นบุคลากรที่เป็นปูชนียบุคคล ถามว่าใครในประเทศไทยรู้เรื่องทีวีดีที่สุดก็คือ คุณแดง…พี่ไม่มีวันไปเทียบกับคุณแดงได้ในเรื่องของความรู้ความเข้าใจในธุรกิจโทรทัศน์
POSITIONING : ไปช่อง 7 ได้ก็เหมือนได้เป็นเจ้าแม่ทันที
ชาลอต : พี่ว่าในแง่ความรู้ความชำนาญ อย่างที่บอกว่าคุณแดงมีความรู้ความชำนาญค่อนข้างมาก และพี่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะไปเป็นเจ้าแม่ฟรีทีวี พี่เลือกช่องทางของพี่เองว่าเราไปในช่องทางที่เป็นนิวมีเดียมาใหม่ๆ ตรงนี้ก็มี Success Story ได้
POSITIONING : ละครที่มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ผลิตให้กับช่อง 7 แตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นๆ อย่างไร
ชาลอต : เป็นอีกโมเดลหนึ่งคือ มีเดียฯ ทำไปเลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ต้องเสนอให้คณะกรรมการละครก่อน ตั้งแต่บทละคร ตัวแสดง ซึ่งบอร์ดละครมีสิทธิเปลี่ยนแปลง และกำหนดได้ตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นโมเดลแบบของเราคือ เราเสี่ยงทำไปเลยแล้วค่อยไปเสนอบอร์ดฯ ทีหลัง เขาจะเอาหรือไม่ ถ้าบอร์ดฯ ไม่เอา ถือว่าเราลงทุนเสียหายไป แต่ข้อดีก็คือว่าเราได้ลองทำแบบฟรีแฮนด์จะออกมาเป็นยังไง
Positioning : เป็นการงัดข้อกับช่อง 7
ก็มีข่าวคุณชาลอตไปงัดข้อ จริงๆ แล้ว…ไม่ใช่… เป็นโมเดลที่บอร์ดบอกว่าอยากเห็นฝีมือเรา…ว่าเราทำเป็นยังไง วิธีการมองตัวแสดง …ถ้าเราทำดี ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นฝีมือเรา หรือเพราะมีทางช่อง 7 ไกด์ หรือแย่ขึ้นมาก็ไม่รู้จะโทษใคร โมเดลนี้เรารับไปเต็มๆ ดีก็รับไป ไม่ดีก็รับไป
POSITIONING : เป็นการเปลี่ยนสิ่งที่เคยเป็นมาของช่อง 7
ชาลอต : ไม่หรอกเพราะเราเป็นบริษัทลูก พอเป็นบริษัทลูก แม่ก็อยากไปดูว่าฝีมือคุณแค่ไหน ถ้าไม่ดี เขาอาจจะค่อยๆ บอกว่าควรจะทำยังไง
มีคนชอบแซวว่าพี่มีรังสีออร่า ไปที่ไหนต้องเป็นเรื่องตลอดเวลา จริงๆ ไม่แปลกที่คนจะคิดอย่างนี้ ด้วยความบริสุทธิ์ใจของเราว่าเราทำงานให้กับนาย นายต้องการให้ทำอะไรก็ทำ ทำให้องค์กรที่เราดูแลอยู่ แต่ว่าการทำให้กับองค์กร ทำให้เราไม่อยู่นิ่ง เราต้องคิดหาโอกาส ให้กับองค์กรให้มากที่สุด ก็เลยหาโอกาสให้ช่องทางใหม่ อย่างการทำโทรทัศน์ดาวเทียมและช่องข่าว
POSITIONING : มีการพูดคุยกับคุณกฤตย์ รัตนรักษ์ (ประธานช่อง 7) บ้างหรือไม่
ชาลอต : ไม่มี…พี่ทำงานพี่ไม่เคยไปถาม คุณกฤตย์มอบหมายอะไร พี่ก็ทำตรงนั้น สมมุติบอก 100 พี่ก็ทำเต็ม 100 แต่พี่มองหา Opportunity อื่นด้วย อย่างในมีเดีย ออฟ มีเดียส์ ก็คือบอกว่ามาสร้างรีแบรนด์มีเดีย ออฟ มีเดียส์ ให้มีคอนเทนต์ที่เหลากหลาย ก็เห็นมั๊ยพี่ก็ไปแตกเป็นทีวีดาวเทียม พี่จะไม่หยุดแค่นี้ เนื่องจากอาจเป็นเพราะพันธมิตรเยอะ และเป็นคนสนใจข่าวสาร เพราะฉะนั้นพี่จะคิดอะไรที่แตกออกไปอีก
POSITIONING : จากความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจโทรทัศน์ขณะนี้ โดยเฉพาะเคเบิลทีวี และโอกาสในช่อง 7 ที่ดูเปิดกว้างมากขึ้น มีแผนการสร้างความสำเร็จให้กับตัวเองในมีเดีย ออฟ มีเดียส์ เป็นอย่างไร
ชาลอต : ถ้าเป็นไปได้เราจะทำโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เป็นช่อง Niche เช่น ช่องข่าว หรือช่องเกี่ยวกับความรู้สาระโดยทั่วไป เพราะศักยภาพเรื่องความชำนาญของทีมงาน และเรื่องการอัพลิงค์ดาวเทียม ตอนนี้ก็มีบุคคลากรที่มาจากทีไอทีวีมี 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งที่ทำ Hot News มีทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง อีกกลุ่มทำสกู๊ป ถอดรหัสย้อนรอย ที่เป็นรายการเดียวที่ทีไอทีวีเป็นคนผลิต คนอื่นอาจมีถอดรหัสย้อนรอย แต่เขาได้ผู้ประกาศไป แต่ของเราเป็นทีมผลิต เราคิดว่าหัวใจพวกนี้อยู่ที่ทีมผลิต แต่ผู้ที่จะมาอยู่เบื้องหน้าเป็นโฆษก เป็นผู้ประกาศสามารถทำได้ จากศักยภาพ 2 ทีมนี้ สามารถทำได้ 1 ช่องมีข่าว และสาระความรู้ และอาจกำลังดูว่าเราอาจพาร์ตเนอร์ข่าวต่างประเทศ คงต้องเรียง Slot เวลาให้เหมือนทีวีช่องหนึ่ง แต่เป็นช่องข่าว
วิธีการคือ ส่งรายการผ่านสัญญาณดาวเทียม เป็น Free to air ผู้ชมที่มีเครื่องรับสัญญาณก็สามารถรับชมได้ ตามสัญญาณดาวเทียมที่ครอบคลุม ซึ่งไม่ใช่แค่เมืองไทยยังไปประเทศอื่นๆ ซึ่งเวลานี้ สมาคมเคเบิลทีวี ได้มีการตกลงกำหนดช่องรายการแบบตายตัว ไม่ว่าจะไปออกอากาศในเคเบิลทีวีท้องถิ่นรายไหนก็จะเป็นช่องเดิม ซึ่งเป็นผลดีกับการขายโฆษณา เราจะร่วมมือกับเคเบิลท้องถิ่น เราเพิ่งได้รับนโยบายจากบอร์ดให้ไปหารือความร่วมมือเรื่องข่าวกับช่อง 7 เช่นซื้อข่าว และเครือข่าย ด้วยศักยภาพนี้สามารถทำข่าวเจาะเป็นภาคๆ ได้ เราจะทำ Standard ที่สูงเหมือนฟรีทีวีช่องหนึ่ง ถ้าทำแบบ High Standard ก็แบบซีเอ็นเอ็น
ระยะยาวบุคลากรต้องเป็น 100 คน ในระยะสั้น ถ้าขึ้นในปีนี้อาจใช้บุคลากร 30-50 คน แล้วก็ Build Brand ดูช่องทางในการหารายได้ไปด้วย หากกฎหมายเคลียร์เรียบร้อย ภายในไตรมาส 3-4 นี้ก็ตั้งได้
POSITIONING : เพราะจึงสนใจทำช่องข่าว
ชาลอต : ช่องข่าวจะเน้นข่าวที่ชาวบ้านสนใจและเกี่ยวข้องโดยตรง เช่น เศรษฐกิจก็ที่ใกล้ตัวชาวบ้าน ซึ่งทั้งหมดมาตามเรตติ้ง ถ้าเป็นช่องบันเทิงก็มีบันเทิงเจาะ หรือทำช่องตามสปอนเซอร์ แต่จะทำให้เนียน คุณภาพรายการทุกช่องคือคุณภาพที่ออกฟรีทีวี
POSITIONING : กำหนดไว้จะมีกี่ช่อง
ชาลอต : ข่าว 1 ช่อง สาระบันเทิง 1 ช่อง ที่เคยมีทีแชนนอล ก็เหมือนสถานีหนึ่งแต่เข้าไปอยู่ในทรูวิชั่นส์ ไม่ได้อัพลิงค์ขึ้นเอง เพราะเรื่องต้นทุนดาวเทียม จึงยกเลิกไปเมื่อปีที่แล้ว
ปีนี้สถานการณ์เปลี่ยน แข่งขันกันตรงนั้นก็ผลัดกันแพ้กันชนะ แต่ว่าตอนนี้ควรจะมองอย่างอื่น
สำหรับพี่ไม่มองแล้วตรงนั้น คือช่อง 7 ก็ทำตรงนั้น ฟรีทีวี 6 ช่องก็ทำของเขาแข่งกัน พี่จะไปทางใหม่ของพี่ คือมันเป็นความท้าทาย พี่เชื่อในหลักของการตลาด First Mover ก็คือว่าถ้าเราขยับก่อน ด้วยศักยภาพของมีเดีย ออฟ มีเดียส์ ที่มีเงินสดอยู่ในมือและเรามีบุคลากร คิดว่าถ้าเราขยับก่อน เราสามารถสร้าง Standard ได้ว่าถ้าใครจะทำ ทำในประมาณนี้