เมษาเดือด ! ผ่าโปรโมชั่นลด 50% 3 ค่ายมือถือ เปิดศึกชิงลูกค้าย้ายค่าย 4G

หลังจากการประมูลคลื่น 4G คลื่น 900 MHz (ครั้งแรก) ปิดฉากลง ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ให้บริการรายหลักทั้ง3ราย ที่ต้องอัดโปรโมชันแพ็กเกจ4G ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร เพิ่มทั้งดาต้าในราคาลดลง เพื่อกวาดต้อนลูกค้าเข้ามาในเครือข่าย

ไล่กันตั้งแต่ เอไอเอส ที่มีแพ็กเกจ 4G Max Speedออกมาเป็นรายแรก ที่เปลี่ยนวิธีการให้บริการดาต้าเป็นการให้ความเร็วสูงสุดตลอดการใช้งานแบบไม่มี FUP ถัดมาคือ ดีแทค ออกแพ็กเกจ Super Non-Stop ออกมาแก้เกมด้วยการให้ปริมาณดาต้าที่ใกล้เคียงกัน แต่เพิ่มตัวFUPให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลหากใช้งานหมด

ก่อนทรูมูฟ เอช จะออกมาเปิดแพ็กเกจ4G Plus Super Maxและ4G Plus Super Smartอย่างเป็นทางการหลังจากที่จ่ายค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 MHzซึ่งรูปแบบแพ็กเกจก็จะใกล้เคียงกับ2ค่ายที่ออกมาก่อนหน้า เพียงแต่มีการเพิ่มปริมาณดาต้าให้สูงขึ้นเพื่อจูงใจให้ลูกค้าใช้งานเครือข่ายต่อไปไม่เกิดการย้ายออก

อย่างไรก็ตาม แพ็กเกจเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเลือกจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานอยู่เดิม และต้องการเปลี่ยนมาใช้งานแพ็กเกจใหม่ ไม่ได้ออกมารองรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมที่มีการแข่งขันสูงมากในเวลานี้ จึงทำให้แต่ละโอเปอเรเตอร์จำเป็นต้องมีการทำตลาดพิเศษด้วยการดึงดูดลูกค้า ด้วยการนำเสนอแพ็กเกจลดราคา 50% ให้แก่ลูกค้าย้ายค่าย

แต่ใช่ว่าเกมลดราคาแพ็กเกจ 50% จะเพิ่งมีการเข้าสู่ตลาด เพียงแต่ก่อนหน้านี้ทางทรูมูฟ เอช ยังไม่มีการเปิดตัวแพ็กเกจ4G Plusอย่างเป็นทางการ การแข่งขันในกลุ่มนี้จึงยังไม่รุนแรงมากนัก แต่หลังจากที่มีการเปิดตัวแพ็กเกจ4Gทั้ง3โอเปอเรเตอร์ก็พร้อมใจกันลงมาแย่งชิงลูกค้าย้ายค่ายเพื่อรับส่วนลด50%พร้อมๆ กัน

โดยก่อนหน้านี้ ดีแทค ถือเป็นรายแรกที่ประเดิมการลดราคาแพ็กเกจ50% กับกลุ่มแพ็กเกจ4Gด้วยการออกโปรโมชัน “สู้สุดใจ” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานดีแทค สามารถเชิญญาติ หรือเพื่อน ย้ายค่ายมาใช้งานดีแทค จะได้รับส่วนลดแพ็กเกจSuper Non-Stop 50% แต่แน่นอนว่าการที่มีเงื่อนไขหลักคือต้องรู้จักกับพนักงานดีแทค ทำให้แคมเปญดังกล่าวถูกจำกัดอยู่ในวงแคบเท่านั้น

นับเป็นกลยุทธ์การตลาดของดีแทคที่เน้นการจับลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็มีการออกแพ็กเกจย้ายค่ายสำหรับนักเรียน นักศึกษา เมื่อย้ายมาใช้งานแล้วก็จะได้รับส่วนลด 50% เช่นเดียวกัน และล่าสุดก็มีการเปิดอีกแคมเปญคือลูกค้าเก่าที่เคยใช้งานดีแทค และย้ายออกไปจากระบบก่อนวันที่ 7มกราคม2559 ย้ายกลับมาใช้เครือข่ายดีแทค จะได้รับส่วนลดค่าเครื่อง1,500บาท หรือเลือกรับส่วนลดค่าบริการรายเดือน 50% 12 เดือนแบบไม่ติดสัญญาผูกมัดใดๆ

หลังจากนั้น เอไอเอส ก็นำ “แพ็กเกจ 4G Max Speed” มาเปิดโอกาสให้ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลด50% ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเอไอเอส ที่นำแพกเกจ4Gมาลดราคาให้ลูกค้าย้ายค่ายเช่นเดียวกัน ซึ่งเมือเทียบแล้วแพ็กเกจลด 50% ของเอไอเอส ถือว่าน่าสนใจมากที่สุด เพราะเปิดโอกาสให้ลูกค้าทุกรายที่ย้ายค่ายมาสามารถสมัครใช้งานได้เลย เพียงแต่จะติดสัญญาห้ามย้ายเครือข่าย12เดือน

ทางฟาก ทรูมูฟ เอช จึงต้องออกแคมเปญย้ายค่ายมาทรูมูฟ เอช ลดแพ็กเกจ 50% เช่นเดียวกัน โดยจะนำแพ็กเกจในกลุ่ม4G Plus Super Smartมาลดราคา ซึ่งถ้ามองในแง่ของความคุ้มค่าของแพ็กเกจแล้วยังเทียบกับดีแทค และเอไอเอสไม่ได้ ทำให้ในจุดนี้เชื่อว่าทางทรูต้องมีการขยับตัวออกแคมเปญมาดึงลูกค้ากลุ่มย้ายค่ายต่อแน่นอน

เนื่องจากปัจจุบันแพ็กเกจอย่าง4G Plus Super Maxที่ถือเป็นแพ็กเกจที่แข่งขันได้ในกลุ่มแพ็กเกจ4Gของทรูมูฟ เอช ได้การเปลี่ยนเงื่อนไขให้สมัครได้เฉพาะลูกค้าใหม่เท่านั้น  ประกอบกับอีก2ค่ายเพิ่งออกแคมเปญย้ายค่ายมาทำให้ต้องรอดูกันว่าทรูมูฟ เอช จะนำแพ็กเกจนี้มาร่วมลดด้วยหรือไม่

แต่ใช่ว่าจะมีแต่เสียงตอบรับในทางชื่นชม ที่โอเปอเรเตอร์มีการลดราคาแพ็กเกจออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือดเท่านั้น เพราะในอีกมุมหนึ่งลูกค้าที่เพิ่งทำการย้ายค่ายมา หรือลูกค้าเก่าที่เพิ่งเปลี่ยนแพ็กเกจมาใช้งาน ก็จะมีความรู้สึกว่าโดนผู้ให้บริการเอาเปรียบ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์จะมีการมอบส่วนลดเพิ่มให้ลูกค้ากลุ่มนี้ หรือจะปล่อยให้ลูกค้าไหลออกจากระบบ

phone_new

เพนกวิน-โอเพ่น ซิมโลว์คอสต์ ทางเลือกลูกค้าใช้ดาต้าน้อย

ความเคลื่อนไหวที่สำคัญในช่วงนี้ ไม่ได้มีเฉพาะ 3ค่ายใหญ่เท่านั้น เพราะปัจจุบันผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือน (MVNO – Mobile Virtual Network Operator) ที่นำคลื่นและโครงข่าย 850 MHz ของ กสท โทรคมนาคม มีอยู่ 15,000 สถานี มาให้บริการ ได้เริ่มเข้าสู่ตลาด และมีแพ็กเกจที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน มุ่งเน้นไปจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย ด้วยการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วที่เพียงพอกับการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องใช้แพ็กเกจความเร็วสูงสุดตลอดเวลา โดยมองว่ายังมีช่องว่างที่จะเข้าไปในกลุ่มนี้ได้

เริ่มจากการเปิดตัวของ ซิมเพนกวิน จาก “เดอะ ไวท์สเปซ” ที่ยกทีมอดีตผู้บริหารดีแทค มาร่วมกันลงขันเปิดให้บริการมือถือ ภายใต้แนวคิด “ซิมอีโค” มุ่งเน้นการใช้งานตามจริงไม่ว่าจะเป็นค่าโทรวินาทีละ 1 สตางค์ หรือใช้งานเน็ต MB ละ 25 สตางค์ โดยจะคิดไม่เกินวันละ 20 บาท เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้า

ขณะเดียวกันก็มีการออกแพ็กเกจทั้งรายเดือน และรายสัปดาห์ ที่ให้เล่นเน็ตได้ความเร็ว 1 Mbps สำหรับลูกค้า 1 หมื่นซิมแรกในแต่ละจังหวัด ไม่อั้นตลอด 7 วันในราคา 100 บาท หรือ 30 วันในราคา 300 บาท เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้งานเน็ตความเร็วคงที่ ไว้ใช้ในการดูยูทูบหรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กทั่วๆ ไป กลุ่มเป้าหมายหลักของซิมเพนกวิน คือ คนต่างจังหวัด ที่มีการใช้งานเฉลี่ย 100-200 บาทต่อคน เพราะมองว่ายังเป็นเซ็กเมนต์ที่มีโอกาสอยู่มาก เนื่องจากผู้ให้บริการรายใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญมากนัก โดยตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 3 แสนราย และจะเพิ่มเป็น 8-9 แสนรายในอีก 3 ปีข้างหน้า

ด้วยแพ็กเกจราคาไม่สูง ทั้งค่าโทร และค่าเน็ตใช้ไม่อั้นไม่เกินวันละ 20 บาท ไม่ใช่แค่ลูกค้าต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ลูกค้าในเมืองที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ก็หันมาทดลองใช้ไม่น้อย โดยเฉพาะช่วงแรกถึงกับซิมขาดตลาด

อีกค่ายน้องใหม่ จากผู้ให้บริการ MVNO รายเดิมในตลาดคือ Open Sim by i-mobile ที่มีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ชูแนวคิดค่าบริการคล้ายๆ กับซิมเพนกวิน แตกต่างตรงที่ซิมโอเพ่น จะให้ลูกค้าได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 42 Mbps ในช่วง 80 MB แรก เมื่อครบแล้วก็จะตัดเข้าสู่ความเร็ว 1 Mbps เช่นเดียวกัน

แม้จะเป็นค่ายมือน้องใหม่แต่ประสบการณ์เก่า นับเป็นผู้ให้บริการที่จะมาสร้างสีสันให้กับตลาด ในการเปิดศึกร้อนๆ ของแพ็กเกจมือถือในช่วงเมษายน ที่มีดีกรีร้อนแรงไม่แพ้อุณหภูมิเลย

2_phone