จากวิสัยทัศน์ 2020 ของ “ไทยเบฟฯ” ที่ต้องการเพิ่มรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หรือนอนแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 50% ภายในปี 2020 ซึ่งในส่วนของธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ได้นำทัพโดย 3 บริษัทหลัก ก็คือ เสริมสุข, โออิชิ และไทยดริ้งค์ ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้ได้เห็น 3 บริษัทนี้เร่งเสริมพอร์ตสินค้ากันยกใหญ่ เพื่อให้ได้รายได้ตามเป้า
สำหรับไทยเบฟฯ นั้นได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรเล็กน้อยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ทางเสริมสุขเป็นฝ่ายที่รับผิดชอบด้านการผลิตและจัดจำหน่าย ส่วนทางบริษัท ไทยดริ้งค์ จะดูทางด้านการตลาดของสินค้าในเครือ ทำให้ในตอนนี้มีสินค้าหลักในเครือทั้งหมด 7 แบรนด์ ได้แก่ คริสตัล, เอส, โออิชิ, 100 พลัส, จับใจ, แรงเยอร์ และพาวเวอร์พลัส
โดยที่ให้ “วิเวก ซาห์บรา” ควบที่นั่ง 2 ตำแหน่งด้วยกัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด สาเหตุหลักก็คือการนำ 2 หน่วยงานเข้ารวมกัน เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจที่จะช่วยลดขั้นตอนในการตัดสินใจไปได้อีกมาก
ในปีนี้เสริมสุขได้จัดทัพ 4 สินค้าหลักที่เป็นไฮไลต์ ได้แก่ เอส, คริสตัล, โออิชิ และ 100 พลัส เพื่อสู้ศึกในตลาด เพราะสินค้าทั้ง 4 แบรนด์อยู่ในตลาดใหญ่ มีมูลค่าสูง แบรนด์มีโอกาสเยอะ โดยเน้นในเซ็กเมนต์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นพิเศษ ในปัจจุบันมีน้ำดื่มคริสตัล และ 100 พลัสที่อยู่ในกลุ่มนี้ เพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเบนเข็มมาทางเครื่องดื่มสุขภาพมากขึ้น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขายจากกลุ่มนี้จากเดิม 56% ให้เป็น 70% ภายในปี 2564
วิเวก ซาห์บรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปีนี้เราโฟกัสอยู่ที่ 4 แบรนด์ของเราก็คือ เอส คริสตัล โออิชิ และ100 พลัส เพราะมีการเติบโตที่ดี อยู่ในตลาดที่ใหญ่ ในช่วงไตรมาสที่ 1 มีการเติบโตดีทุกตัว แต่ต้องมีการจัดแคมเปญอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้บริโภคจดจำได้”
ใน 1-2 ปีนี้มีการลงทุนในการสร้างไลน์การผลิตเพิ่มเติม ในเดือนมิถุนายนจะเปิดที่ขอนแก่น และที่จังหวัดดสุราษฎ์ธานีในปี 2560 ด้วยงบลงทุนฉลี่ยปีละ 300-500 ล้านบาท
เสริมสุขแตรียมนำแบรนด์ “แรงเยอร์” กลับมาทำตลาดอีกครั้ง หลังงานที่ได้ได้ซื้อมาราว 2 ปีได้แล้ว เพราะต้องการมาเติมเต็มพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมทุกตลาด แต่ก็ไม่ได้แอคทีฟในการทำตลาดมากนัก ซึ่งในปีนี้จำมีการบุกหนักมาขึ้น เพราะมองเห็นโอกาสทั้งในเรื่องการดื่มของผู้บริโภค ซึ่งในครั้งนี้ได้ใช้กลยุทธ์ที่ถนัดมาตลอดก็คือการจัดจำหน่าย เพราะเสริมสุขเองก็แข็งแกร่งในเรื่องนี้ อาจจะใช้กลยุทธ์ในการขายพ่วงที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องสร้างแบรนด์ สร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้มากขึ้นด้วย
อีก 2 ปีจะมีสินค้าใหม่ในกลุ่มนมถั่วเหลืองและน้ำผลไมเข้ามาเสริมอย่างแน่นอนเป็นเครื่องดื่มจากทางเอฟแอนด์เอ็มเพื่อขยายตลาดไปสู่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่กำลังเป็นกะแสอยู่ในตอนนี้
ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2016 เสริมสุขมีการเติบโต 15% และเอสยังครองส่วนแบ่งตลาด 10% คริสตัลครองส่วนแบ่งตลาด 17.3% โออิชิ ครองส่วนแบ่งตลาด 43% มีกำไรก่อนหนักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226%