หลังจากที่ในปี 2558 ที่ผ่านได้มีข่าวลือหนาหูอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการถอยทัพของแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีชื่อดังอย่าง “อีทูดี้” แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่การถอยทัพเสียทีเดียว แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ด้วยการทำตลาดโดยบริษัทแม่โดยตรง
ก่อนหน้านี้แบรนด์อีทูดี้ในประเทศไทยได้ ได้ถูกบริหารโดยดิสทริบิวเตอร์ หรือตัวแทนผู้จัดหน่าย “บริษัท คอสเมกก้า จำกัด” ที่ได้นำเข้าแบรนด์อีทูดี้มา 12 ปี แต่ได้หมดสัญญากับทางบริษัทแม่ที่เกาหลี “Amore Pacific Group” เมื่อปี 2558 เพื่อทางบริษัทแม่จะเข้ามาทำตลาดเองในประเทศไทย ช็อปทั้งหมด 40 สาขา ทั้งเคาน์เตอร์ และสแตนอโลน ก็ได้ปิดไปทั้งหมดแล้ว
(อ่านเพิ่มเติม : เปิดใจอดีตผู้บริหาร “คอสเมกก้า” เผย “อีทูดี้” ไม่ได้ถอยทัพ! แค่หมดสัญญา http://positioningmag.com/61427)
การคัมแบ็กกลับเข้ามาทำตลาดในไทยของอีทูดี้จึงเป็นรูปเป็นร่างช่วงกลางปี 2559 ทำการประเดิมเปิดสาขาแรกของ “อีทูดี้ เฮ้าส์” ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้า “เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sweet Dream House ซึ่งคอนเซ็ปต์นี้ได้นำร่องใช้ที่ประเทศไทยที่แรก เพราะตลาดประเทศไทยยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ ก่อนที่จะขยายไปใช้ที่ประเทศอื่นๆ ต่อไป
เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าปัญหาหลักของร้านอีทูดี้ในไทยก็คือเรื่องของ “ราคา” ที่สูงกว่าประเทศเกาหลีถึง 2 เท่า เป็นช่องว่างอย่างดีที่ทำให้ธุรกิจรับหิ้ว หรือธุรกิจพรีออเดอร์เติบโต เพราะผู้บริโภคหันไปซื้อด้วยราคาที่ถูกกว่าในช็อป
ในการกลับเข้ามาครั้งนี้อีทูดี้จึงอุดช่องโหว่นั้นด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่ทำให้ราคาแตกต่างจากที่ประเทศเกาหลี 30-50% เท่านั้น เพราะเมื่อทำตลาดเป็นแบบโกลบอลที่บริษัทแม่บริหารเอง ทำให้ได้ราคาที่ถูกลงกว่าสินค้าที่นำเข้าโดยดิสทริบิวเตอร์
ควอน กึม จู ประธานกรรมการ Etude Corporation กล่าวว่า “ตลาดเครื่องสำอางในประทเศไทยถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย และมีแฟนๆ ของอีทูดี้ในประเทศไทยเยอะ การเข้ามาบริหารเองทำให้ควบคุมอะไรได้มากกว่า อย่างเรื่องสินค้าที่แต่ก่อนมีสินค้าใหม่ออกที่เกาหลี ในประเทศไทยก็ต้องรออีกนานกว่าจะนำเข้ามาได้ ทำให้เสียโอกาสอีกเยอะ”
ควอน กึม จู ยังเสริมอีกว่า ปัญหาหลักของร้านอีทูดี้ในสมัยก่อนที่คนไทยบอกว่าแตกต่างจากที่เกาหลีก็คือ เรื่องราคาแพงกว่า บริการไม่ดี และของแถมก็ไม่ได้เยอะ ทำให้บรัทแม่ต้องมาทำการบ้านปิดจุดอ่อนตรงนั้นเพื่อให้ได้บริการเท่ากับประเทศเกาหลี อีกทั้งเรื่อง
เบื้องต้นทางอีทูดี้ยังไม่สรุปแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มเติม โดยที่ยังโฟกัสที่สาขาเดียวก่อน โดยที่อีทูดี้ เฮ้าส์สาขานี้ใช้งบลงทุนราว 6-7 ล้านบาท ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ Sweet Dream House เน้นความ Lovely, Playful และ Trendy ให้มีความโตขึ้น ผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ดูเด็กหรือแบ๊วเกินไปเหมือนคอนเซ็ปต์เก่า
ส่วนปัญหาเรื่องธุรกิจพรีออเดอร์ หรือรับหิ้วสินค้า ทางควอน กึม จู เผยว่าไม่ได้กังวลอะไร เพราะในช้อปมั่นใจได้ว่าเป็นสินค้าของแท้ โดยที่ร้านรับหิ้ว หรือพรีออเดอร์มีของปลอมระบาด และปัจจุบันทางกรมศุลกากรก็เข้มงวดเรื่องการหิ้วสินค้าเข้ามาในไทยด้วย