เอไอเอส ใช้โอกาสครบรอบ 12 ปี เปิดแคมเปญ ‘The Ultimate Pride’ หวังเป็นหมัดเด็ด ดึงลูกค้าเซเรเนดออกจากระบบไม่ถึง 1%
ธุรกิจที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากๆ อย่างธุรกิจให้ให้บริการมือถือ การดึงให้ลูกค้าอยู่ในเครือข่ายไม่ย้ายค่าย โดยเฉพาะลูกค้าระดับ “ทอป” ที่มียอดใช้จ่ายต่อเลขหมายมากๆ ด้วยแล้ว ยิ่งต้องดึงไว้ให้อยู่หมัด และอย่างที่รู้กันแล้วว่า ต้นทุนในการดูแลลูกค้าเก่านั้น ต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่หลายเท่าตัว
หนึ่งในหมัดเด็ดที่ใช้จูงใจลูกค้าเหล่านี้คือ เรื่องบริการการให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดี ผ่านสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ส่วนลดร้านอาหาร เครื่องดื่มฟรี ทริปท่องเที่ยว และนั่นคือที่มาของ “เซเรเนด” ของค่ายเอไอเอสที่เปิดให้บริการมาครบ 12 ปีแล้ว มีสมาชิกกว่า 2.9 ล้านราย
แบ่งเป็น Serenade Platinum 1.8 แสนราย , Serenade Gold 1 ล้านราย และSerenade Emerald 1.8 ล้านราย
ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าพรีเพด 5 แสนราย ที่เหลือ 2.4 ล้านราย เป็นลูกค้าโพสต์เพด โดยตั้งเป้าในสิ้นปีนี้จะเพิ่มยอดเซเรเนดเป็นกว่า 3 ล้านราย
แต่ละปีเอไอเอสจึงต้องควักเงินลงทุนเกือบพันล้านบาท ปี 2014 ใช้ไป 800 ล้านบาท ปี 2015 ใช้งบ 900 ล้านบาท ปี 2016 วางงบไว้ 1 พันล้านบาท ครึ่งหนึ่งของงบดูแลลูกค้าทั้งหมด ประมาณ 2 พันล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละ 10%
ทำไปแล้วก็ถือว่าคุ้ม เพราะตัวเลขวัดดัชนีความพึงพอใจไตรมาส 1 ปี 2016 ที่สูงถึง 88% ยอด Churn rate น้อยกว่า 1% ทำให้เอไอเอสมั่นใจว่าเดินมาถูกทาง และต้องพัฒนาเพิ่มขึ้น
ปีนี้เอไอเอสเลยต้องจัดเต็มว วางกลยุทธ์หลักภายใต้แคมเปญ The Ultimate Pride ภายใต้แนวคิด ‘ยิ่งกว่าที่สุด คือความประทับใจไม่รู้จบ‘ ทั้งส่วนลดค่าเครื่องมือถือ แบรนด์ต่างๆ ค่าบริการ, เบอร์สวยเบอร์มงคล เลขาส่วนตัว บริการทางการเงิน ผู้ช่วยส่วนตัว ทริปท่องเที่ยว ส่วนลดร้านอาหาร ร้านค้า บริการที่จอดรถ และเครื่องดื่มฟรีที่สนามบินกว่า 40 ร้านค้า ใน 15 สนามบินทั่วประเทศ
เรียกว่าต้องงัดสิทธิพิเศษสารพัดรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ความชอบลูกค้า เพราะงานนี้ขอให้มัดใจลูกค้าเซเรเนดไม่ให้ย้ายออกจากระบบ 1% ก็ถือว่าพอใจแล้ว