Amazon จับมือหน่วยงานอังกฤษเปิดทดสอบโดรนส่งสินค้า

โดรนจากแอมะซอน (ภาพจากรอยเตอร์)

ในขณะที่ 7-Eleven ยักษ์ใหญ่ร้านสะดวกซื้อจับมือกับค่าย Flirtey เริ่มเปิดทดสอบบริการโดรนส่งสินค้าประเภทสเลอปี้ – โดนัท ไปจนถึงสแน็คต่าง ๆ แก่ผู้บริโภคในอเมริกาเหนือ คู่แข่งอย่างแอมะซอน (Amazon) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์ ก็เริ่มทดสอบการจัดส่งสินค้าด้วยโดรนในอังกฤษแล้วเช่นกัน

โดยทางแอมะซอนได้ประกาศว่าบริษัทได้ร่วมกับหน่วยงานของทางรัฐบาลอังกฤษอย่าง the Civil Aviation Authority (CAA) อนุญาตให้มีการทดสอบการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ขนาดเล็กด้วยโดรนขึ้นเป็นครั้งแรก ภายใต้กฎ 3 ข้อ ได้แก่ การทดสอบนั้นจะต้องอยู่ในสายตาของผู้ควบคุมโดรน, ต้องสามารถหลบสิ่งกีดขวางได้ และผู้บังคับโดรนต้องสามารถควบคุมโดรนหลายตัวได้

สำหรับพัสดุที่โดรนจะจัดส่งนั้นต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 2.3 กิโลกรัม (หรือ 5 ปอนด์) ซึ่งโดรนจะบินได้ที่ความสูง 400 ฟุต และต้องอยู่ให้ห่างจากท่าอากาศยานด้วย

ตัวแทนจาก CAA ระบุว่า ความสำคัญของการทดสอบนี้คือ เพื่อให้แน่ใจว่า การส่งสินค้าโดยใช้โดรนจะไม่กระทบกับการใช้น่านฟ้าของผู้ใช้งานคนอื่น

“เราจะไม่เปิดบริการจนกว่าจะทดสอบแล้วว่าปลอดภัย” ตัวแทนจากแอมะซอนกล่าวเสริม

ทั้งนี้ หากการทดสอบประสบความสำเร็จ แอมะซอนคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่อังกฤษจะอนุญาตให้มีการทดสอบโดรนโดยแอมะซอนนั้น กฎหมายปัจจุบันของอังกฤษได้ระบุว่า โดรนไม่สามารถบินเข้าใกล้ผู้คนหรืออาคารบ้านเรือนในระยะ 50 เมตรได้ และการใช้โดรนต้องอยู่ในระยะสายตา หรือต้องมีผู้บังคับอยู่ในระยะ 500 เมตร ส่วนผู้บังคับโดรนก็ต้องผ่านคอร์สอบรม และได้รับใบอนุญาตจาก CAA ก่อน ซึ่งข้อกำหนดที่กล่าวมาทำให้โอกาสเติบโตของธุรกิจโดรนต้องล้มไปในที่สุด

แอมะซอนเองก็เคยทดสอบการใช้โดรนส่งสินค้าในสหรัฐอเมริกา แต่พบกับข้อกำหนดหลายอย่างที่ยากต่อการปฏิบัติตาม ยกตัวอย่างเช่น FAA กำหนดว่า โดรนจะต้องแบกน้ำหนักพัสดุภัณฑ์ไม่เกิน 55 ปอนด์ โดรนแต่ละตัวต้องมีผู้ควบคุมเฉพาะ ไม่สามารถใช้คน ๆ เดียวบังคับโดรนหลาย ๆ ตัวได้ เป็นต้น และโดรนเพื่อการจัดส่งสินค้าต้องบินเฉพาะในเวลากลางวันเท่านั้น (30 นาทีก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ไปจนถึง 30 นาทีหลังพระอาทิตย์ตก)

อย่างไรก็ดี แม้จะมีข้อกำหนดที่เคร่งครัดมากในการใช้โดรน แต่ก็มีบริษัทที่สามารถทดสอบการใช้โดรนได้สำเร็จอย่าง Flirtey เกิดขึ้น และล่าสุดได้จับมือกับ 7-Eleven ไปแล้วนั่นเอง]]

ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000074304