‘แรบบิทส์ เทลล์’ ดิจิตอล เอเจนซี่ เลือดใหม่ ที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2558 แนะเจ้าของแบรนด์ หมั่นจับอุณหภูมิและทุกความเคลื่อนไหวของโลกออนไลน์อย่างใกล้ชิดในทุกมิติ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันก่อนใคร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค กลุ่มที่น่าจับตามองล่าสุด คือ ผู้อพยพทางดิจิตอลกลุ่มสุดท้าย หรือที่เรียกว่า The Last Digital Immigrants ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 เทรนด์ดิจิตอล ปี 2559 ในประเทศไทย กับความจริงที่ต้องเจอในการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งให้รอด
นายสโรจ เลาหศิริ ผู้อำนวยการด้านกลยุทธ์และความคิดสร้างสรรค์ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แรบบิทส์ เทลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ในยุคที่สังคมทั่วโลกก้าวสู่ดิจิตอลไลฟ์อย่างเกือบสมบูรณ์แบบ การเข้ามาของอุปกรณ์ดิจิตอลราคาถูกและเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่กว้างไกล เข้าถึงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 4G หรือ การเพิ่มขึ้นของเสาสัญญาณของผู้ประกอบการทุกเจ้า เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนไทยไปอีกขั้น ทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องสามัญ
สื่อและช่องทางในการส่งสารในยุคนี้ จึงไม่ได้จำกัดเฉพาะ Traditional Media อย่างที่ผ่านมา ซึ่งสื่อดิจิตอลบนโลกใหม่ อย่างออนไลน์และโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นถึงพลังในการสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ ทุกเวลา อย่างไร้ขีดจำกัด จึงเป็นหน้าที่ของแบรนด์และนักการตลาดยุคใหม่ที่ต้อง ‘เกาะติดโลกออนไลน์และดิจิตอลเทคโนโลยี’ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ไม่พลาดในการช่วงชิงลูกค้า และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจก่อนใคร
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ไม่เพียงแต่วัยรุ่น หนุ่มสาว หรือคนทำงานเท่านั้น ที่นิยมใช้สื่อดิจิตอลอย่างโซเชียลมีเดียในชีวิตประจำวัน แต่ยังมีผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่งที่เจ้าของแบรนด์คาดไม่ถึงหรือมองข้าม ซึ่งเรียกกลุ่มนี้ว่า ‘ผู้อพยพทางดิจิตอลกลุ่มสุดท้าย หรือ The Last Digital Immigrants’ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 เทรนด์ดิจิตอล ปี 2559 ในประเทศไทย กับความจริงที่ต้องเจอในการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งให้รอด ต้องคิดให้รอบและลึก
ผู้อพยพทางดิจิตอลกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มผู้สูงอายุ หรือ ผู้ใช้ที่ขยายออกจากหัวเมืองชนบทไปสู่เมืองห่างไกล การมาของสมาร์ทโฟนที่มีราคาถูกลง ทำให้เห็นการกระโดดของประชากรอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น จากข้อมูลของปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 21% ทำให้คาดการณ์ได้ว่า มีผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตแล้วกว่า 38 ล้านคน (หากตัดเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี และผู้สูงอายุเกิดกว่า 60 ปี ออกไป) ทำให้เห็นว่า อีกไม่กี่ปี ประชากรที่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย จะเข้าใกล้ 100% เข้าไปทุกที
ในมุมนักการตลาด จึงต้องจับตาการมาของประชากรกลุ่มนี้ ที่ทำให้เห็นพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในรูปแบบเฉพาะตัว เหมือนที่เห็นการส่งข้อความภาพดอกไม้ ‘สวัสดีเช้าวันจันทร์’ ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ หรือการมองหาสถานที่ ที่มี Free Wifi เพื่อประหยัดค่าอินเทอร์เน็ต, การเข้าถึงแหล่งคอนเทนต์บันเทิงที่มีรสนิยมแตกต่างจากคนเมือง ฯลฯพฤติกรรมการใช้มือถือในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้ คือโอกาสใหม่ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ให้กับนักการตลาด แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมคนกลุ่มนี้ให้ดี
‘แรบบิทส์ เทลล์ มีเคล็ดไม่ลับในการเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆ เหล่านี้ แบบสูงสุดคืนสู่สามัญ คือ การทำคอนเทนต์ หรือโฆษณา ให้เสพได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องซับซ้อนอะไรมากมาย แค่ตรงใจก็พอ อย่าลืมว่าพวกเค้ายังเป็นผู้อพยพทางอินเทอร์เน็ต และใช้เทคโนโลยีดิจิตอล อย่างสมาร์ทโฟน และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ช้ากว่ากลุ่มคนหนุ่มสาว ประมาณ 6-7 ปี’
นายสโรจ กล่าวย้ำว่า คนกลุ่มนี้ ยังใช้เพียงฟีเจอร์และแอปพลิเคชั่นพื้นฐาน เช่น LINE, Google, Facebook ทางเลือกอย่าง Direct Marketing แบบ การยิง SMS, E-mail หรือ การโฆษณาผ่าน SEO/SEM ใน Google ก็เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ยังมีผลอยู่ แต่ที่อยากจะเสริมคือ การทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ สั้นได้ใจความ ตัวอักษรชัดเจน รวมไปถึง Banner ที่มีข้อความเข้าใจง่ายไม่ยาก, Social Ads ที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อ ด้วยประโยคที่สื่อสารตรงๆ แต่ต้องอย่าลืมพิจารณา การตั้งค่าโฆษณาใน Social Media และ Google Ad Network ให้ตรงกลุ่มเท่านั้น มิฉะนั้นอาจจะสร้างความประหลาดใจของสินค้า หรือแบรนด์ให้กับกลุ่มคนที่ใช้ดิจิตอลมานานก็ได้
ทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า การทำตลาดในยุคดิจิตอลให้ประสบความสำเร็จนั้น เจ้าของแบรนด์จำเป็นต้องเกาะติดความเคลื่อนไหวในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ความล้ำสมัยของสื่อและช่องทาง, ความก้าวหน้าของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี, กระแสโลกาภิวัฒน์หรือสังคมโลก ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภค ที่หมุนเปลี่ยนไปทุกวัน ฯลฯ เพื่อพร้อมต่อการสร้างสรรค์กลยุทธ์การตลาดดิจิตอลที่มีประสิทธิภาพครบทุกมิติ
ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000074967