เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ ยุคนี้ฟิตเนสอย่างเดียวไม่รุ่ง ต้องเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์

ท่ามกลางกระแสการดูแลสุขภาพที่เป็นเทรนด์ฮอตฮิตในประเทศไทยมาเป็นปีแล้ว ทำให้คนหันมาออกกำลังกายและเล่นฟิตเนสกันมากขึ้น ธุรกิจฟิตเนสจึงกลับมาบูมขึ้นอีกครั้ง จากเดิมที่มีผู้เล่นรายใหญ่ 2-3 แบรนด์ ก็เกิดแบรนด์โลคอลขึ้นมากมาย

เวอร์จิ้น แอ็คทีฟเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ใหญ่ที่เป็นเชนจากต่างประเทศที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ 2 ปีแล้ว ประเดิมสาขาแรกที่ตึกเอ็มไพร์ สาทร ปัจจุบันมีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ ตึกเอ็มไพร์, เอ็มควอเทียร์, เซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต และล่าสุดที่สยามดิสคัฟเวอรี่

1_fitness

ประเทศไทยดูเหมือนว่าจะเป็นลูกรักของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟเข้าให้ เพราะมีสมาชิกแอ็คทีฟรายสัปดาห์เฉลี่ย 4 ครั้ง/คน ต่างจากประเทศอื่นที่เข้าคลับเฉลี่ย 2 ครั้ง/คน เพราะพฤติกรรมคนไทยชอบเล่นฟิตเนสกับกลุ่มเพื่อน และมีการเข้าคลาสราว 70%

ประกอบกับอัตราการออกกำลังกายของคนไทยยังน้อยมากน้อกว่า 1% เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่มี 8% และออสเตรเลีย 13% ทำให้ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกเยอะ

2_fitness

โจทย์ใหญ่ของเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ อย่างแรกก็คือ การขยายสาขาให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค เน้นทำเลศูนย์การค้า อาคารสำนักงานอยู่ มีการตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ครบ 20 สาขา ภายใน 6 ปี ด้วยงบลงทุนรวม 5,200 ล้านบาท เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 300 ล้านบาท ซึ่งในการขยายสาขาแต่ละครั้งอาจจะต้องทวีความใหญ่ให้มากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับกับจำนวนสมาชิก

และโจทย์ใหญ่ที่สองที่เป็นความท้าทายสำคัญก็คือ ในการปั้นแบรนด์ที่ไม่ใช่เป็นแค่ฟิตเนสอย่างเดียว แต่ต้องเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ตอบโจทย์ความต้องการให้ครบถ้วนทั้งการออกกำลัง การทำงาน พักผ่อนด้วยการวางโพซิชั่นในแบบพรีเมียมเพื่อสร้างความแตกต่าง โดยออกแบบคลับและเสริมบริการต่างๆ ให้ครบวงจรมากที่สุด มีสระว่ายน้ำหน้าผาจำลองรวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น เสื้อผ้าผ้าขนหนูเพื่อให้ดูเหนือว่าแบรนด์อื่นในตลาด

และดีไซน์เรื่องแพ็กเกจค่าบริการ เป็นการจ่ายรายสัปดาห์เฉลี่ย 700 บาท โดยมีสัญญาแค่รายเดือนเท่านั้น เพื่อความยืดหยุนของลูกค้า จะแตกต่างจากแบรนด์อื่นที่ส่วนใหญ่เป็นสัญญารายปี

แมทธิว บัคนาลล์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้ก่อตั้งเวอร์จิ้น แอ็คทีฟ

งานนี้ แมทธิว บัคนาลล์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้ก่อตั้งเวอร์จิ้น แอ็คทีฟได้บินตรงมาจากประเทศอังกฤษเพื่อเปิดสาขาใหม่ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ด้วยตนเอง และได้เล่าว่าเราถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดฟิตเนสในประเทศไทยเหมือนกัน เพราะได้ทำตลาดมา 2 ปี ก่อนหน้านี้ก็ได้ทำรีเสิร์ชพบว่าคนไทยสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่เป็นสมาชิกฟิตเนสน้อย ทำให้ยังมีโอกาสอีกเยอะ ยิ่งเห็นตัวเลขการเข้าคลับของคนไทยที่มีความถี่มากกว่าประเทศอื่น ทำให้ยิ่งมีการเติบโตสูง

ใน 3 สาขาที่เปิดบริการไปแล้วนั้น มีสมาชิกรวมกว่า 11,400 คน แบ่งเป็นที่ตึกเอ็มไพร์ 4,700 คน เอ็มควอเทียร์ 4,000 คน และเซ็นทรัลเวสต์เกต 2,700 คน ในสาขาใหม่ๆ ที่จะเปิดได้ตั้งเป้าว่าจะต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 3,000 คน

นอกจากนั้นยังได้เป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ปัญญ์ปุริ ผลิตภัณฑ์ชำระร่างกาย และบำรุงผิวสำหรับใช้ในห้องน้ำ และแบรนด์กีฬา Under Armour ในการเป็นโคแบรนด์ทำเสื้อผ้าใส่ในคลับ และมีชอปภายในคลับด้วย เพื่อเป็นการเติมเต็มเรื่องไลฟ์สไตล์มากขึ้น

plan_fitness

7_fitness 6_fitness 5_fitness 4_fitness