วีซ่า ระบุความต้องการโซลูชั่นนวัตกรรมการชำระเงินยังคงเพิ่มสูงในประเทศไทย มูลค่าการชำระเงินของวีซ่า เติบโต 9.3% สูงกว่าระบบ แยกเป็นการเติบโตของบัตรเครดิต 8.6% บัตรเดบิต 18% พร้อมปรับเทรนใหม่เปิดตัวแพลตฟอร์ม Visa Developer ที่เปลี่ยน VisaNet ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นแพลตฟอร์มเปิด (open platform) สำหรับการชำระเงิน และการค้าโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ขณะที่การเติบโตของนวัตกรรมไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการชำระเงิน แต่เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนด้านนวัตกรรม โลกการค้าดิจิตอลในรูปแบบใหม่ และการเชื่อมต่อกันอย่างมากที่สุด (hyper-connected) กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อลูกค้าสถาบันการเงินออกบัตรวีซ่า จะได้ออกสินค้าที่เป็นมากกว่าบัตรหนึ่งใบ ซึ่งจะเป็นบัตรที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าสถานการเงินนั้นๆ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ให้กับลูกค้าสถาบันการเงิน และร้านค้าได้เป็นอย่างดี โดยถือเป็นการเปิด “บัญชีวีซ่า” ที่ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บัตรวีซ่าได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับการเชื่อมต่อ
โดยมูลค่าการชำระเงินทั้งหมดจากบัตรวีซ่า ได้เพิ่มขึ้นถึง 9.3%ในปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตของบัตรเดบิตวีซ่า 18% และบัตรเครดิตวีซ่า 8.6% ขณะที่มูลค่าธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เกิดขึ้นจากบัตรวีซ่า สูงขึ้นถึง 24% ปัจจุบัน วีซ่ามีผู้ถือบัตรประมาณ 2.4 พันล้านใบ ร้านค้าที่รับบัตรวีซ่า 40 ล้านร้าน มีธนาคารที่ใช้บัตรวีซ่า ประมาณ 1,600 แห่ง ที่กระจายอยู่ 200 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมการชำระเงินในประเทศไทย วีซ่าได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Visa Developer ที่เปลี่ยน VisaNet ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นแพลตฟอร์มเปิด (open platform) สำหรับการชำระเงิน และการค้า โดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์จากสถาบันทางการเงิน บริษัทด้านเทคโนโลยี ร้านค้า และสตาร์อัปต่างๆ จะสามารถเข้าถึงระบบการชำระเงินยอดนิยมของวีซ่า ผ่าน APIs, SDKs และการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ด้วยตนเอง
ตัวอย่างของโซลูชั่นที่ได้รับการพัฒนา และเปิดตัวในประเทศไทย คือ แอปพลิเคชั่นมือถือที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งใช้ Visa Direct API เพื่อให้บริการด้านการชำระเงินแบบเรียลไทม์ โดยผลิตภัณฑ์นี้จะทำเกิดการให้การโอนคะแนนสะสม หรือเงินแก่ผู้ใช้บัตรโดยตรง บริการ Visa Tokens Service (VTS) เป็นอีก API หนึ่งที่ช่วยให้สถาบันทางการเงินสามารถออกรหัสโทเคน ซึ่งเป็นบัญชีดิจิตอลที่เพิ่มระบบความปลอดภัย และทำให้การซื้อสินค้าของผู้บริโภคง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อทำการซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรืออุปกรณ์มือถืออื่นๆ
นอกจากนี้ วีซ่ากำลังขยายจุดรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนของร้านค้าที่รับบัตรวีซ่า ได้เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งล้านในปี 2559 โดยเฉพาะนอกกรุงเทพมหานคร และยังมีจำนวนของเครื่องรูดบัตรพกพาสำหรับมือถือ และแท็บเล็ต (mPOS) ที่มีการใช้งานอยู่เกือบถึงห้าหมื่นเครื่อง ซึ่งเป็นที่นิยมในธุรกิจประกันชีวิต
“เทคโนโลยีมีศักยภาพอันมหาศาลที่จะยกระดับประสบการณ์การชำระเงินของผู้บริโภคทั้งหมด ปัจจุบัน ธุรกิจจำนวนมากยังคงพึ่งพาระบบแบบเดิมๆ ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้บริโภคต้องการทุกสิ่งทุกอย่างทันทีในเวลาอันสั้น ประสบการณ์ของพวกเขา (customer experience) มีความสำคัญอย่างยิ่ง วีซ่ามีความมุ่งมั่นที่จะขยายการเข้าถึงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มมูลค่า และประสิทธิภาพในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงนี้” นายสุริพงษ์ กล่าว
ที่มา : http://astv.mobi/AbCqPsv