ตลาดไทยแคบไปแล้ว สำหรับแบรนด์ร้านอาหารไทย ที่ได้เตรียมขยับขยายไปเปิดสาขาในต่างประเทศ ภายใต้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป
ไมเนอร์ซื้อสิทธิ์ “เย็นตาโฟทรงเครื่อง” บุกสิงคโปร์
“มัลลิการ์” เจ้าของแบรนด์ร้าน “เย็นตาโฟทรงเครื่อง” เลือกใช้กลยุทธ์ขายแฟรนไชส์ ในการขยายสาขาเพื่อความรวดเร็วในการเติบโต โดยมีกลุ่มไมเนอร์ คว้าสิทธิ์ลงทุนบริหารแบรนด์ “เย็นตาโฟเครื่องทรง” ในสิงคโปร์ เบื้องต้นเปิดแล้ว 3 สาขา
อาจารย์มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ประธานบริหาร บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด เปิดเผยถึงว่า เพื่อเป็นการขยายธุรกิจร้านในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่บริษัทฯ ลงทุนเองซึ่งอาจจะช้าและใช้เวลานาน จึงหันมาใช้แนวทางในการขายสิทธิ์แฟรนไชส์รายสาขาให้แก่ผู้ที่สนใจ
โดยกลุ่มแรกที่ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วคือ กลุ่มไมเนอร์ ที่ซื้อแฟรนไชส์เปิดสาขาแรกแล้วที่ถนนออร์ชาร์ด สิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้ว (พฤศจิกายน2559) ปัจจุบันไมเนอร์บริหารร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงแล้ว 3 สาขา ที่เหลือคือในศูนย์การค้ากับโรงพยาบาลของรัฐในย่านออร์ชาร์ดเช่นกัน โดยวางแผนไว้ว่าปีหน้าจะเปิดอีก 4 -5 สาขาในสิงคโปร์ต่อเนื่อง
ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกันคือ ไมเนอร์กร๊ปุจะได้สิทธิ์บริหารจัดการและลงทุนเปิดร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงเป็นเวลา 10 ปี ซึ่งไมเนอร์จะต้องชำระค่าแฟรนไชส์ครั้งเดียวจำนวน 1 ล้านบาทต่อสาขา ระยะเวลา 10 ปี และจ่ายอีก 4% ของยอดขายต่อสาขาต่อเดือน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้ขายมาสเตอร์แฟรนไชส์หรือขายสิทธิ์เป็นรายประเทศให้กับไมเนอร์ รวมทั้งในประเทศอื่นก็เช่นกันไม่ได้ขายมาสเตอร์แฟรนไชส์ให้ใคร แต่บริษัทฯ ทำการขายสิทธิ์เป็นรายสาขา ใครสนใจจะเปิดก็ติดต่อเพื่อรับสิทธิ์ได้
นอกจากในสิงคโปร์แล้ว บริษัทฯ จะขยายในประเทศอื่นอีกที่มีศักยภาพในอาเซียน รวมทั้งจีนด้วย มีแผนที่จะทำการโรดโชว์ในต่างประเทศ โดยร่วมเดินทางไปกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเร็วๆ นี้จะไปโรดโชว์ที่จีน
ในไทยเน้นเปิดสาขาปั๊มน้ำมัน
ส่วนแผนธุรกิจในไทยปีหน้าคาดว่าจะใช้งบประมาณ 50-60 ล้านบาท เพื่อเปิดใหม่ประมาณ 3-4 สาขา จะเน้นทำเลในปั๊มน้ำมันเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดไปแล้วกับปั๊ม ปตท.หลายสาขา ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีหน้า 300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเย็นตาโฟเครื่องทรงมีร้านเปิดบริการรวม 35 สาขา แบ่งเป็น ไทย 30 สาขา, ลาว 2 สาขา และที่สิงคโปร์ 3 สาขา ตั้งเป้าหมายจะเปิดให้ครบรวมเป็น 50 สาขาภายในปี 2563
ร้านอาหารภายในเครือปัจจุบันมีทั้งสิ้น 6 แบรนด์ ได้แก่ 1. ร้าน อ.มัลลิการ์ 2. เรือนมัลลิการ์ 3. ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์ 4. ร้านปังยิ้ม คาเฟ่แอนด์เบเกอรี่ 5. ร้านปาป้าปอนด์ และ 6. ร้านคุ้มกะตังค์ ซึ่งรายได้กว่า 70% มาจากร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงเป็นหลัก อีก 30% มาจากแบรนด์ที่เหลือรวมกัน
ซานตา เฟ่ สเต๊ก เน้นเออีซี
สำหรับ “ซานตา เฟ่ สเต๊ก” ได้วางเป้าหมาย ในปี 2561 ทั้งเข้าตลาดหุ้น ควบคู่ไปกับการรุกตลาดต่างประเทศ และเปิดแบรนด์ใหม่
สุรชัย ชาญอนุเดช ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด บอกถึงแผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศที่จะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งปีนี้ได้จดลิขสิทธิ์แบรนด์ ซานตา เฟ่ สเต๊ก ไปแล้วใน 8 ประเทศกลุ่มเออีซี ยกเว้นสิงคโปร์กับบรูไน
โดยเบื้องต้นมองที่ประเทศเวียดนามก่อน คาดว่าจะสรุปได้ปลายปี 2560 ซึ่งมีการเจรจากับผู้ที่สนใจอย่างน้อย 3 ราย มีทั้งที่เป็นแลนด์ลอร์ด กลุ่มทุนร้านอาหาร และ 4. การเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่**
ส่วนผลประกอบการปีนี้ (2559) ทำได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท เติบโต 13% จากปีที่แล้วทำได้ 1,300 ล้านบาท แต่ปีนี้ยังต่ำกว่าเป้าหมายอยู่ จากเดิมที่ตั้งไว้เติบโต 40% หรือมีรายได้รวม 1,800 ล้านบาท แต่เป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี และการเปิดสาขาใหม่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะหาทำเลที่เหมาะสมไม่ได้ และศูนย์การค้าหลายแห่งชะลอการเปิดโครงการ จากตั้งเป้าเปิด 20 สาขา แต่เปิดได้เพียง 12 สาขาเท่านั้น ขณะนี้มีรวม 90 สาขา ใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้าร้านปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 175 บาทต่อคนต่อครั้ง
สำหรับปี 2560 วางแผนจะลงทุนรวม 280 ล้านบาท แบ่งเป็น งบ 150 ล้านบาท ใช้ลงทุนสาขาใหม่ 21 สาขา และตั้งเป้าหมายเติบโต 15-20% หรือมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรวมอีก 5 ปีจากนี้จะมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท สัดส่วนในไทย 90% และในต่างประเทศ 10%
ที่มา : http://astv.mobi/AHqoIkZ