เป็นขบวนการ ! “ครูอ้อย” ตั้งโต๊ะแถลง ถูกมือมืดทำเว็บไซต์ขู่รีดเงิน 11 ล้าน

“ฐิตินาถ ณ พัทลุง” ระบุถูกมือดีทำเว็บไซต์โจมตีอย่างเป็นระบบ ขู่หยุดสอน หยุดชวนคนทำบุญ เรียกค่าไถ่ 11 ล้าน แลกกับการหยุดแพร่ข่าว ยืนยันจัดหลักสูตรเข็มทิศชีวิตไม่คิดเงิน แต่เปิดสอนให้คนกลุ่มเล็ก คิดชั่วโมงละ 1,500 บาท

วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่โรงแรมสุโขทัย สาทร ฐิตินาถ ณ พัทลุง หรือ ครูอ้อย โค้ชชีวิตและผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิต เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งแรกว่า หลายเดือนที่ผ่านมา ได้ถูกโจมตีอย่างเป็นระบบ จนกระทั่งเมื่อวานซืนได้รับลิงก์จากเว็บไซต์หนึ่งส่งข้อความเป็นเท็จทำลายตนและครอบครัวอย่างหนัก มาข่มขู่เพื่อขอเงิน 11 ล้านบาท หากไม่จ่ายเงินตามที่เรียกร้องจะส่งลิงก์เปิดโปงพฤติกรรมไปยังนักเรียน 7,000 คน ส่งให้นักข่าวและโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น บิดาของตนเป็นเสื้อแดง ปลูกฝังให้ตนเป็นคนไม่ดี พร้อมกับขู่ให้หยุดสอน หยุดชวนคนทำบุญ

โดยมีการทำเป็นขบวนการต่อเนือง สลับซับซ้อน เป็นมืออาชีพ อย่างที่ตั้งเว็บไซต์ก็อยู่ต่างประเทศ จึงได้นำเรื่องและหลักฐาน ไปร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และได้ขอความคุ้มครองตามกระบวนการยุติธรรม

ตนเองเป็นครู มีความรักและปรารถนาดีกับลูกศิษย์ทุกคน แต่หลายครั้งที่พูดตรงๆ ทำให้ทุกคนโกรธ สำหรับลูกศิษย์ที่โกรธ ตนขอขมาและขออโหสิกรรม ตนไม่คิดว่าการเผยแพร่ข่าวต่างๆ เป็นฝีมือของลูกศิษย์ ซึ่งข้อมูลต่างๆ ได้ส่งให้
ดีเอสไอแล้ว และแจ้งความให้ตำรวจประสานงานกับ ปอท. แล้ว

ส่วนเรื่องราคาของหลักสูตรนั้น ปกติจะมีหลักสูตรให้เรียนฟรี เช่น เข็มทิศมหาชน ฟรีหมด 4 วัน 3 คืน แม้แต่ค่าห้องพัก มีคนเรียนฟรีมากถึง 9 ล้านคน แต่มีหลักสูตร ทำให้คนที่ไม่อยากเบียดกับคนเยอะๆ มาเรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ คิดชั่วโมงละ 1,500 บาท วันละ 8 ชั่วโมง 2 วัน (24,000 บาท) เหมือนกับการเรียนพิเศษ แต่ไม่ได้บังคับ เทียบกับต่างประเทศที่มีการสอน ราคาแพงมากถึง 3 แสนบาท

ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่า หลักสูตรเข็มทิศชีวิตไปคล้ายกับวัดพระธรรมกายนั้น ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นพระ ไม่ได้เปิดรับบริจาค ให้คนมาก็เหมือนมาซื้อข้าวกิน งานของเรา คือมาแก้ความทุกข์ให้กับคน

สำหรับ ข้อเรียกร้องของดารา ว่าครูอ้อยนำภาพจากผู้ที่มีชื่อเสียงไปใช้โปรโมทคอร์สโดยไม่ได้ขออนุญาตนั้น เธอได้ชี้แจงว่า ในขั้นตอนการสมัครระบุไว้ และรับทราบกันว่าภาพและเสียงเป็นลิขสิทธิ์ของหลักสูตร


ที่มา : http://manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9600000061683