หาก Italian Job ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ มินิ โดดเด่น และเป็นกรณีศึกษาชั้นดีเกี่ยวกับ Product Placement “เจมส์ บอนด์ 007” ก็เป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน มิหนำซ้ำยังสามารถแจกจ่ายความสำเร็จไปยังพาร์ตเนอร์อีกมากกว่า 10 แบรนด์ได้อีกด้วย
รชต ธีระบุตร กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ภาพยนตร์ โคลัมเบีย ไทรสตาร์ บัวนาวิสต้า (ประเทศไทย) จำกัด และ อาร์ม เจริญศิริ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด โซนี่ พิคเจอร์ รีลิสซิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล บอกว่า เสน่ห์สำคัญของเจมส์ บอนด์ คือ “Product Placement” ที่ชัดเจน เปิดเผยตลอดระยะเวลา 46 ปี ของภาพยนตร์เรื่องนี้
และทุกครั้งที่มีภาคใหม่ ผู้คนทั่วโลกจะเฝ้ารอว่า พยัคฆ์ร้ายจะใช้รถยนต์ยี่ห้ออะไร ใช้แว่นตา ใส่สูทของแบรนด์เนมใด รวมถึงไลฟ์สไตล์อื่นๆ โดยไม่รู้สึกว่าเป็นการยัดเยียดแต่อย่างใด
ทุกแบรนด์ในภาคใหม่ ใช้ชื่อว่า Quantum of Solace แล้วแต่เป็น Global Brand ที่ต้องการผูกพันเกี่ยวโยงกับเจมส์ บอนด์แบบแนบแน่น ผู้สนับสนุนแต่ละรายต่างมีประสบการณ์ที่ดีกับเจมส์ บอนด์ 007 เช่น สเมอร์นอฟ เกาะเกี่ยวมากับเจมส์ บอนด์ตั้งแต่ภาคแรก Dr.No เมื่อ 46 ปีที่ผ่านมา ด้านไฮเนเก้นใช้สาวบอนด์เป็นพรีเซ็นเตอร์ และร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 1997 กับ Tomorrow Never Dies โซนี่ อีริคสัน เป็นโทรศัพท์มือถือคู่ใจของพระเอกมาตั้งแต่ภาค Casino Royale
โค้ก ซีโร่ เป็น Fully Intregrated Campaign ระดมสื่อโฆษณาทุกรูปแบบ รวมถึงการออกแพ็กเกจจิ้งพิเศษ มิหนำซ้ำยังเป็นแบรนด์แรกที่ออก TVC โปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้ในรูปแบบเฉพาะของโค้กซีโร่ ก่อนหน้าที่ TVC โปรโมตอย่างเป็นทางการของ Quantum of Solace จะลงจอเสียอีก
ที่น่าสนใจสำหรับภาคล่าสุดนี้ เลือกใช้ดิจิตอลเป็นสื่อเสริมในการเข้าถึงคนดู เช่น สเมอร์นอฟเลือกที่จะโฟกัสแคมเปญนี้ด้วยสื่อดิจิตอลแบบเต็มรูปแบบทั้ง Interactive Game เว็บไซต์ โทรศัพท์มือถือ และ Facebook โดยเสนอผ่านคาแร็กเตอร์แบบ Perfectionist ของเจมส์ บอนด์ ซึ่งคาดว่าจะเข้าถึงสมาชิกในสื่อนี้ของดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่มีร่วม 300,000 คน
เนื่องจากที่ผ่านมาทุกรายล้วนแล้วแต่สมหวังกับ Movie Marketing ด้วยกันทั้งสิ้น เพราะแต่ละแบรนด์สามารถพรีเซนต์ถึงคุณสมบัติ ศักยภาพ และฉาย Brand Identity ผ่านคาแร็กเตอร์ของเจมส์ บอนด์ได้อย่างเต็มที่ ด้านกมลาศ พัฒนาไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด สเมอร์นอฟ บอกอย่างมั่นใจว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จับจองความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่เริ่มฉาย
ส่วนไฮเนเก้นประมาณการว่า 25% ของประชากรโลกจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้
แต่ละแบรนด์ต่างคาดหวังว่าสินค้ารุ่นเจมส์ บอนด์ 007 Quantum of Solace ซึ่งนำมาจำหน่ายแบบ Limited Edition ในไทย เช่น โอเมก้ามีเพียง 20 เรือน แว่นตาทอม ฟอร์ด 20 อัน จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขณะที่เอไอเอสที่ปักหลักกับ Movie Marketing มายาวนานแม้จะไม่ใช่ Global Partner แต่ขอมีเอี่ยวส่งแคมเปญตั๋วหนัง 60 บาท 15,000 ที่นั่งทั่วประเทศ
ในไทยเอง โซนี่ฯ คาดหวังจะว่า Quantum of Solace จะทำรายได้ไม่แพ้กับ Casino Royale หรือใกล้เคียงกับ Spider Man 3 โดยได้ลงทุนกับแคมเปญโปรโมตร่วม 15 ล้านบาท และเมื่อรวมกับพาร์ตเนอร์ทุกรายแล้ว จะใช้เม็ดเงินรวมกันสูงเฉียด 100 ล้านบาทเลยทีเดียว
ใครเป็นใครใน Quantum of Solace
แบรนด์ไหน ทำอะไร
เอวอน น้ำหอม Gemma Aterton (สาวบอนด์ 007)
โซนี่ อีริคสัน โทรศัพท์มือถือ Cyber Shot รุ่น C902 Titanium Silver, X one, Walkman
โซนี่ ใช้โซนี่ บราเวีย เป็น Product Placement และมีแดเนียล เครก เป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยใช้ไตเติลของเพื่อแสดงถึงคุณสมบัติของ HDTV
ทอม ฟอร์ด แว่นตาอันละ 18,250 บาท เครื่องแต่งกาย ชุดสูท 11 ชุด ชุดละ 250,000 บาท
สเมอร์นอฟ วอดก้า มาตินี่ เครื่องดื่มประจำตัวของเจมส์ บอนด์
ไฮเนเก้น นำเสนอผ่านสาวบอนด์ เป็นพรีเซ็นเตอร์โดยมีฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง
โค้ก ซีโร่ แคมเปญโค้กซีโร่ ซีโร่ เซเว่น
เวอร์จิ้น แอตแลนติก สายการบินที่เจมส์ บอนด์เลือกใช้เป็นประจำ
แอสตัน มาร์ติน รถสปอร์ตรุ่น DBS คู่กายของเจมส์ บอนด์ ซึ่งในเรื่องถูกทำลายไปถึง 2 คัน จากการถ่ายทำ
ฟอร์ด รถประจำตัวของสาวบอนด์
โอเมเก้า เจมส์ บอนด์ สวมใส่นาฬิกาโอเมก้า 007 Seamaster Diver 300m ตลอดเวลา