DKSH ฟันรายได้ครึ่งปีแรก 1.86 แสนล้าน เปิดเกมรุกตลาดอินโดฯ ซื้อกิจการ PT Wicaksana เสริมธุรกิจเพื่อสุขภาพ

DKSH บริษัทโลจิสติกส์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของดิสทริบิวเตอร์ระดับโลก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเน้นการดำเนินงานในเอเชีย ซึ่งสถานการณ์ในตลาดผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในทั่วโลกยังคงมีความท้าทายให้กับ DKSH เป็นอย่างมาก รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และระดับหนี้สินในครัวเรือนที่สูงส่งผลให้เกิดการจำกัดการบริโภคอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มผู้บริโภค

ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจในฮ่องกงยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร แต่ในเวียดนาม เมียนมา ลาว และกัมพูชา ยังคงเติบโตได้ดี

การรุกตลาดเอเชียยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ดีเคเอสเอชได้เข้าซื้อกิจการจากบริษัท 3 แห่งในตลาดที่มีการเติบโตเร็วทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงผลักดันให้เกิดการควบรวมตลาดในภูมิภาคเอเชีย

ดีลที่สำคัญที่สุดคือการเข้าซื้อบริษัท PT Wicaksana เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์ยาในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยผู้ชำนาญการจำนวน 870 ราย และศูนย์กระจายสินค้า 32แห่งทั่วเมืองใหญ่ๆ ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีการตกลงการเข้าถือหุ้นที่ 60-65% ดีลนี้ถือเป็นความพร้อมในการขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซียที่มีประชากรมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะตลาดด้วยหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของดีเคเอสเอช   

สเตฟาน พี. บุซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีเคเอสเอช กล่าวว่า ” ดีเคเอสเอชได้พิสูจน์ให้เห็นว่าบริษัทสามารถประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหนแม้ในตลาดที่เข้าถึงยาก ในขณะเดียวกันเราก็เติบโตได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจากเพียงมุมมองเชิงพาณิชย์เท่านั้น แต่เกิดขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดในเชิงกลยุทธ์ของหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศอินโดนีเซีย ในอนาคตเราจะยังคงใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการเติบโตจากธุรกิจหลักของบริษัทในเอเชียซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วนี้ พร้อม ๆ ไปกับการพิจารณาเข้าซื้อกิจการที่จะเพิ่มมูลค่าให้เรา

ดีเคเอสเอชได้เผยผลประกอบการในครึ่งปีแรกปี 2560 แบ่งเป็นตามกลุ่มธุรกิจ

รายได้กลุ่มดีเคเอสเอช

ยอดขายสุทธิรวมของกลุ่มเพิ่มขึ้น 3.8% เป็น 5.3 พันล้านฟรังก์สวิส หรือราว 1.86 แสนล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560 ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 138.8 ล้านฟรังก์ หรือราว 4,800 ล้านบาท กำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 93.3 ล้านฟรังก์สวิส เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว กระแสเงินสดอิสระอยู่ที่ 56.7 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค

ยอดขายสุทธิในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคหดตัวลงเล็กน้อยที่ 3.1% ไปเป็น 1.8 พันล้านฟรังก์สวิส หรือ 63,000 ล้านบาท ปัจจัยหลักจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและระดับหนี้สินในครัวเรือนที่สูงในประเทศไทย ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจซบเซาในฮ่องกงส่งผลให้ระดับการบริโภคลดลง

ผลกำไรจากการดำเนินงาน 45.5 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 1,600 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย ความต้องการของผู้บริโภคโดยรวมซึ่งอยู่ในระดับต่ำและค่าใช้จ่ายพิเศษในการเตรียมการผลิต สำหรับสัญญาใหม่กับคู่ค้าในฮ่องกงและประเทศไทยส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร

นอกจากนั้นดีเคเอสเอชยังคงปรับโครงสร้างธุรกิจสินค้าหรูหรา และทำให้ผลการดำเนินงานในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 8.4% ไปเป็น 2.9 พันล้านฟรังก์สวิส หรือ 101,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงอันดับต้นๆ ในเกือบทุกตลาดที่เกี่ยวข้องในเอเชีย กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 76.0 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 2,660 ล้านบาท

ในเดือนมกราคม ดีเคเอสเอชได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท Europ Continents Cambodia ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเฉพาะด้าน จากการเข้าซื้อกิจการนี้ ดีเคเอสเอชสามารถขยายตำแหน่งผู้นำในตลาดของภาคผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในกัมพูชา

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม

ยอดขายสุทธิในหน่วยธุรกิจนี้อยู่ที่ 449.6 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 15,700 ล้านบาท ซึ่งเพิ่ม 3.5% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2559 ในปีที่แล้ว ผลกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 37.4 ล้านฟรังก์สวิสในปี พ.ศ. 2559 หรือ 1,309 ล้านบาท ผลกำไรจากการดำเนินงานได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการแข็งค่าของเงินสกุลยูโรและเงินเยน ต้นทุนของวัตถุดิบพิเศษเมื่อแปลงเป็นสกุลเงินยูโรและสกุลเงินเยนจะลดลงจากปีที่แล้วเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินทั้งสอง ซึ่งส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2560

หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี

หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีมียอดขายสุทธิ 185.9 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 6,506 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.5% จากปีที่แล้ว ในธุรกิจนี้ มีความต้องการสูงในด้านสินค้าเพื่อการลงทุนในทรัพย์สินประเภททุนและเครื่องมือวิเคราะห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น

ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ 5.7 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว คำสั่งซื้อคงค้างของเดือนที่เหลือของปี พ.ศ. 2560 แสดงให้เห็นว่าต้องมีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงาน