หลังจากเป็นกระแสมาพักใหญ่ว่าทายาทบุญรอด อย่าง “ต๊อด ปิติ ภิรมย์ภักดี” ลุยธุรกิจส่วนตัว ปั้นซอสพริกเป็นของตนเองในชื่อแบรนด์ Made by TODD ซอสพริกพริก หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ซอสต๊อด” ซึ่งต๊อดได้ปล่อยสินค้าทดลองตลาดได้เกือบ 2 เดือนแล้ว โปรโมตผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นหลัก จนได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ได้ใช้เวลาพัฒนา 2 ปี ต๊อดได้เล่าว่าเป็นคนมีแพชชั่นกับการทำอาหารอยู่แล้ว สมัยก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศก็หาซอสพริกยาก และพบว่าตลาดซอสพริกในปัจจุบันไม่ตอบโจทย์การใช้งานที่แท้จริง และรสชาติไม่เผ็ดนำ จะมีรสเปรี้ยวและหวาน มีการผสมแป้งเยอะ ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ต่างประเทศด้วย มีแบรนด์ผูกขาดอยู่ไม่กี่แบรนด์
จึงได้พัฒนาสูตรร่วมกับเชฟชุมพล แจ้งไพร ดีกรีเชฟกระทะเหล็ก ใช้พริก 4 สายพันธุ์เป็นวัตถุดิบหลัก โดยได้วางจุดยืนเป็นซอสพริกอเนกประสงค์ ไม่ใช่แค่จิ้ม หรือหมักอย่างเดียว แต่ทำอาหารได้ด้วย ซึ่งสามารถเข้ามาอุดช่องว่างในตลาดได้ เพราะปัจจุบันส่วนใหญ่ซอสจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ ซอสจิ้ม ซอสปรุงรส และซอสหมัก
งานนี้ต๊อดได้ตั้งบริษัทใหม่ใช้ชื่อว่า บริษัท ฟาเทอร์ ออฟ ออล ซอส จำกัด หรือแปลเป็นไทยง่ายก็คือ พ่อทุกสถาบัน (ซอส) ใช้ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แต่ผลิตโดยบริษัท เฮสโก้โซลูชั่น จำกัด อยู่ในเครือของบุญรอดบริวเวอรี่ที่ได้ซื้อกิจการมาหลายปีแล้ว ทำธุรกิจอาหารและขนม
โดยที่ใช้ชื่อแบรนด์ว่า Made by TODD นั้นถือว่าซอสพริกตัวนี้เป็นสินค้าซีรีส์แรกในกลุ่มอาหาร มองว่าจะเสริมสินค้าตัวอื่นเข้ามาอีก แต่ตอนนี้โฟกัสกับซอสพริกตัวนี้มากที่สุด และดูเหมือนว่าจะทุ่มเทเป็นพิเศษอีกด้วย ซึ่งซอสพริกเป็นธุรกิจส่วนตัวล่าสุดหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีธุรกิจ Heaven Service บริการรถบ้าน หรือสุขาเคลื่อนที่ และธุรกิจร้านอาหาร 2 แบรนด์ก็คือแซ่บแน่ และแสนแซ่บ
ธุรกิจนี้บอกเลยว่าเทหมดหน้าตัก ยอมใช้ชื่อตัวเองกับหน้าตัวเองอยู่บนผลิตภัณฑ์ โปรโมตในทุกที่ที่ไป งานแข่งรถก็เอาไปวางตั้งไว้ ขนาดตอนป่วยยังโพสต์เล่นๆ เลยว่าซอสช่วยไม่ได้นะ ถึงแม้จะอเนกประสงค์ก็ตาม เป็นการเอาชื่อเสียงของตัวเองเป็นประกันเลย
กลุ่มเป้าหมายที่ต๊อดมองไว้เป็นทุกกลุ่ม เพราะต้องการให้เป็นซอสที่อยู่คู่ครัวเรือน มีตั้งบนโต๊ะอาหาร แต่ขยายไปกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยสามารถทานกับฟาสต์ฟู้ดได้ หรือฟู้ดทรัก รวมไปถึงร้านอาหารที่นำซอสไปเป็นวัตถุดิบ
ในการเปิดตัวครั้งนี้ต๊อดได้ลงทุนจัดงานอีเวนต์ใหญ่ TODD Food Fest ที่ The Nine คอมมูนิตี้ย่านพระรามเก้า ดึงร้านอาหารชื่อดังจากที่ต่างๆ มาร่วมงาน และได้ให้ซอสเป็นส่วนร่วมในเมนู เป็นการให้ผู้บริโภคได้ลองชิม และร้านค้าได้ลองใช้ด้วย
ไม่ชนซอสศรีราชา
หลายคนมองว่าซอสต๊อดออกมาเพื่อท้าชนกับซอสพริกศรีราชาที่อยู่คู่ตลาดไทยมายาวนาน แต่ต๊อดเล่าว่าคนละตลาดกันเลย ศรีราชาเป็นซอสจิ้ม เป็นรสชาติที่เหมือนๆ กับแบรนด์อื่นที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานนำ
“หลายคนบอกว่าซอสต๊อดชนกับซอสศรีราชา แต่ซอสศรีราชาขวดละ 40 บาท แต่ซอสต๊อดขวดละ 125 บาท แค่นี้ก็ต่างกันแล้ว และซอสศรีราคาทำอาหารอย่างอื่นไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมาเคยใช้ซอสศรีราชาใส่กับก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ไม่ก็จิ้มอื่นๆ เท่านั้น ยังไม่เคยเอามาใช้ผัดกระเพรา หมูกระเทียมได้เลย“
โปรโมตเฟซบุ๊กช่องทางหลัก
ในการทำการตลาด ต๊อดได้เน้นการโปรโมตผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นหลัก เพราะมีผู้ติดตามกว่าแสนราย และมีคนรู้จักเป็นคนมีชื่อเสียงมากมาย จึงใช้เฟซบุ๊กเป็นฐานในการกระจายเสียง
“ผมเล่นเฟซบุ๊กแอคทีฟอยู่แล้ว และเป็นเหมือน News Center ศูนย์กลางกระจายข่าวสารในการทำกิจกรรมต่างๆ และมีคนติดตามเยอะ เวลาลงโพสต์ต่างๆ ก็จะได้ตัวแทนจำหน่ายมาฝากร้านแต่ละพื้นที่ เพื่อให้คนสนใจมาซื้อได้ เกิดเป็นกระแสซอสโซเชียลที่กระจายบนโซเชียลมีเดีย“
ใช้ระบบเอเย่นต์ หันหลังให้โมเดิร์นเทรด
ช่องทางการจัดจำหน่ายของซอสต๊อดในตอนนี้มีแค่ออนไลน์ ร้านอาหาร และผ่านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ยังไม่มีหน้าร้าน หรือตามโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ ต๊อดประกาศกร้าวเลยว่าจะไม่เข้าโมเดิร์นเทรดแน่นอน ไม่ยอมเสียกำไรไปกับโมเดิร์นเทรด
“ตอนนี้มีจุดยืนเลยว่าจะไม่เข้าจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ และโมเดิร์นเทรด ไม่อย่างนั้นเราต้องตกเป็นทาสโมเดิร์นเทรดที่ต้องแบ่งค่าจีพีให้ กำไรที่ได้ต้องไปจ่ายให้โมเดิร์นเทรด ผู้ซื้อก็ได้ของแพงไปอีก ผมโตมากับระบบกระจายสินค้า พี่งพายี่ปั๊วและซาปั๊ว มั่นใจได้ว่าระบบนี้ไม่แพ้โมเดิร์นเทรด“
ต๊อดได้ใช้ระบบเอเย่นต์หรือตัวแทนจำหน่ายเหมือนกับธุรกิจสิงห์กระจายสินค้าไปตามอำเภอ ตั้งเป้าจะมีตัวแทนจำหน่ายอำเภอละคนเพื่อสะดวกในการรับส่งสินค้าไม่ต้องส่งไปรษณีย์
“ในช่วงนี้ใช้การตลาดแบบชีพจรลงเท้าก็คือเดินไปเสนอขายเลย ใครอยากมีรายได้ก็เข้าไปซื้อที่ศูนย์กระจายสินค้าในราคาส่ง 90-95 บาท และเอาไปขายต่อได้ คนขายซอสต๊อดไม่จำเป็นต้องขับรถหรู แต่รับรองคุณจะได้กินข้าวเย็นฟรีถ้าคุณขยันเข้าหาลูกค้า ยิ่งตอนนี้คนไทยรักความสะดวกมากขึ้น ขี้เกียจขึ้น การเอาสินค้าเข้าไปหาเขาเลยย่อมขายได้ดีกว่าไปอยู่ตามห้าง“
รวมทั้งเปิดรับตัวแทนจำหน่ายรายย่อยใน 3 ระดับ ได้แก่ Silver, Gold และ Platinum จะขึ้นอยู่กับปริมาณการจำหน่ายในแต่ละเดือน และตัวแทนร้านอาหาร ปัจจุบันมี 40 ร้านที่ใช้ซอสต๊อดและมีจำหน่าย
และได้มีจำหน่ายที่ต่างประเทศ 4 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอังกฤษ เป็นการซื้อไปจำหน่ายต่อ ยังไม่ได้เป็นการทำตลาดเอง ในอนาคตวางแผนที่จะขยายไปอยู่แต่ต้องดูกำลังการผลิตก่อน
จากธุรกิจนี้ต๊อดได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 10 ล้านบาท/เดือน โดยที่หวังว่าจะเป็นซอสไทยสู้กับซอสต่างชาติได้