อีฟแอนด์บอย ร้านค้าปลีกสินค้าความงาม ที่มีจุดกำเนิดจากจังหวัดมหาสารคาม ก่อนตัดสินใจบุกเมือง เปิดสาขาใจกลางสยามแสควร์ แหล่งช้อปของวัยรุ่น
ด้วยการวางจุดยืน เน้นความหลากหลาย วางขายสินค้าทั้งแบรนด์ทั้งของไทยและต่างชาติ ตั้งแต่แบรนด์ดังราคาสูงไปจนถึงราคาถูกไม่กี่สิบบาท โดยเน้นขายในราคาต่ำกว่าคู่แข่ง และอยู่ในทำเลที่ซื้อหาง่าย ทำให้ร้านอีฟแอนด์บอยกลายเป็นร้านบิวตี้ขวัญใจสาวๆ ที่บางครั้งถึงกับต้องเข้าคิวรอ จนต่อยอดแตกสาขา 10 แห่ง ทั้งในและนอกห้างฯ สู้กับร้าน “มัลติแบรนด์” จากนอกได้อย่างน่าสนใจ
ถึงแม้ศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีมาหลายปี ทำเอากระทบในหลายๆ ธุรกิจ แต่กับสินค้าความสวยความงามกลับตรงกันข้าม ยังไงต้องขอสวยไว้ก่อน กลายเป็นโอกาสให้กับร้านอีฟแอนด์บอย ใช้จังหวะนี้เดินหน้าผุดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยวางแผนตั้งเป้าเปิดปีละ 4 สาขา ใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตปีละ 30%
หิรัญ ตันมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีฟแอนด์บอย จำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีแรกได้เปิดไปแล้ว 2 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์วัน และเดอะมอลล์บางกะปิ โดยครึ่งปีหลัง 2560 จากนี้จะเปิดร้านอีฟแอนด์บอยใหม่อีก 3 สาขา ที่เดอะมอลล์บางแค เดือนตุลาคม ลงทุน 70 ล้านบาท พื้นที่ 500 ตารางเมตร, แฟชั่นไอส์แลนด์ เดือนพฤศจิกายน ลงทุน 150 ล้านบาท พื้นที่ 900 ตารางเมตร, เทอร์มินัล21 เดือนธันวาคม ลงทุน 70 ล้านบาท พื้นที่ 400 ตารางเมตร
“มีการวางแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีสาขาครอบคลุมตลาดมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่มีกำลังซื้อ โดยตั้งเป้าเปิดใหม่ที่ 4 สาขาต่อปี ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 800 ตารางเมตรเป็นอย่างต่ำ และเพื่อสร้างอัตราการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 30%”
ส่วนแผนในปีหน้าสาขาใหม่ที่มีพื้นที่ชัดเจนแล้วคือที่เทอร์มินัล21พัทยา ส่วนสาขาอื่นจะมีทั้งเปิดในศูนย์การค้าเก่าที่เปิดบริการแล้วกับศูนย์การค้าที่สร้างใหม่
ปัจจุบันอีฟแอนด์บอยมีสาขารวมทั้งหมด 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ จ.มหาสารคาม , จ.ขอนแก่น , ม.ขอนแก่น , สยามแสควร์ ซ.1 , อโศก , ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต , เมกา บางนา , เทอร์มินัล21 โคราช , สยามแสควร์วัน และเดอะมอลล์บางกะปิ
อีฟแอนด์บอยได้สร้างเทรนด์ของ “มัลติแบรนด์” ให้เป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทย ในส่วนของเครื่องสำอางและสกินแคร์ จากเดิมที่ร้านมัลติแบรนด์ส่วนใหญ่เป็นร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ชี้ให้เห็นว่าคนไทยนิยมความสะดวกสบายมากขึ้น ชอบไปร้านที่มีหลายสินค้าหลายบริการที่ตอบโจทย์ในครั้งเดียว ยิ่งอีฟแอนด์บอยใช้กลยุทธ์เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ นำสินค้าที่ขายเฉพาะที่อีฟแอนด์บอยเท่านั้น ทำให้ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาอยู่ตลอด ทำให้สาวไทยนิยมไปช้อปมากขึ้น
โดยสินค้าภายในร้านเป็นสินค้าราคาระดับแมสมากกว่า 70% และระดับบน 30% เช่น น้ำหอม เมคอัพ ความงามต่างๆ รวมมากกว่า 1,000 แบรนด์ รวมกว่า 100,000 รายการ นอกจากนั้นยังมีสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์อีกด้วย ประมาณ 30% จากจำนวนสินค้าทั้งหมด ทั้งสินค้าของไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้แตกต่างจากร้านแบรนด์อื่นๆ
ซึ่งลูกค้าที่เข้าร้านมีอายุตั้งแต่อายุ 18-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยเป็นผู้หญิงสัดส่วน 80%
หิรัญ เสริมอีกว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่นี้ยังไม่กระเตื้องเท่าไร แต่ก็ไม่กระทบกับยอดขายรวมเท่าใดนัก เนื่องจากมีระดับราคาแมสกว่า 70% ซึ่งผู้บริโภคที่ลดการซื้อสินค้าราคาสูงก็หันมาซื้อสินค้าที่ราคาต่ำลงในร้านเหมือนเดิม ซึ่งในร้านของเราก็มีตอบสนองอยู่แล้ว รวมทั้งการที่เราต้องรุกด้วยการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นตลาดด้วย ทั้งที่จัดเองกับที่ร่วมมือกับซัพพลายเออร์ มีการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับลูกค้า ก็ทำให้เป็นที่ต้องการและสนใจของลูกค้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน
ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000082551