PTG เดินเกมกว้านซื้อกิจการบุกนอนออยล์ ! ควัก 65 ล้าน ซื้อหุ้น “ออโต้ แบคส์”

ช่วงนี้ ธุรกิจให้บริการน้ำมันออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก หลังจาก ปตท. ออกมาสร้างความฮือฮากับข่าวเตรียมทิ้ง “เซเว่นอีเลฟเว่น” เพื่อหันมาปลุกปั้น “จิฟฟี่” แทน จนทั้งคู่ต้องออกมายืนยันว่า ความสัมพันธ์ยังไปต่อ

คราวนี้มาถึงคิวของ พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTG กันบ้าง ค่ายนี้ก็ไม่เบา เดินเกม ซื้อธุรกิจ”เพื่อมาต่อยอดธุรกิจ non-oil แบบรวบรัดตัดความ ไม่ต้องเสียเวลาปลุกปั้นแบรนด์กันใหม่

ล่าสุด พีทีจี ควักเงิน 65 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท สยามออโตแบคส์ ศูนย์บริการรถยนต์จากญี่ปุ่น (ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ออโต้แบคส์ เซเว่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มสหพัฒน์) ด้วยสัดส่วน 38.26%  AOTOBACS ถือ 49.37% บริษัท สหพัฒน์อินเตอร์โฮลดิ้ง ถือ 2.9%  บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้น 2.94% บริษัท สยาม โอคามูระอินเตอร์เนชั่นแนล ถือหุ้น 2.94% และบันไซ (ประเทศไทย) ถือหุ้น 2.94%

พิทักษ์ รัชกิจประการ CEO และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท PTG บอกว่า การซื้อ ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมัน

โดยขยายศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรในปั๊ม PT ปีนี้ 5 สาขา และนอกสถานีบริการน้ำมันอีก 10 สาขา จากปัจจุบันมีการเปิดศูนย์บริการรถยนต์ในไทยแล้ว 7 แห่ง

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 240 สาขาใน 5 ปีข้างหน้า ใช้เงินลงทุนสาขาละ 3-5 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้เป็นแบรนด์เบอร์ 1 โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทที่ตั้งเป้าหมายจะมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 แห่งจากสิ้นปีนี้มี 1,800 แห่ง และมีสมาชิกบัตร Max Card จาก 7.6 ล้านสมาชิกในปีนี้เป็น 17 ล้านสมาชิกในปี 2565

พิทักษ์ ยังบอกด้วยว่า บริษัทให้ความสำคัญในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil) เพิ่มขึ้น ซึ่งมองธุรกิจฟูดเซอร์วิสเนื่องจากมีมาร์จิ้นดี และไม่มีปัญหาการบันทึกผลกระทบจากสต๊อกสินค้า โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจใหม่เพิ่มเติมปีละ 2-3 ธุรกิจ

ดังนั้น ไม่ต้องแปลกใจ ที่น่าจะเห็นดีลซื้อกิจการของพีทีจี ที่จะมีมาอีก ส่วนใครจะเป็นรายต่อไป ต้องรอดู แต่ที่แน่ๆ ก่อนหน้านี้ พีทีจี ได้ควักเงิน 205 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นบริษัท จี เอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผ่านบริษัทลูก ร้านกาแฟพันธ์ุไทย

โดย จีเอฟเอ นั้นเป็นเจ้าของร้านกาแฟและอาหาร ที่รู้จักกันดี คือ ร้าน Coffee World, Cream & Fudge, New York 5th Av. Deli, Coffee World Restaurant และ Thai Chef Express ปัจจุบันมีสาขารวมกัน 130 สาขา ตั้งอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การซื้อกิจการ จีเอฟเอ ก็เพื่อต้องการขยายธุรกิจ non-oil ทั้งในปั๊มของพีทีจีเอง และนอกปั๊ม เช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ คอมมูนิตีมอลล์ และสนามบินในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อสร้างสินค้าและบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าปัจจุบัน และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมมากขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของ PTG ในการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันเพียงอย่างเดียว

สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกในปีนี้ พีทีจี คาดว่าจะมีกำไรสุทธิต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% แต่ทั้งปีน่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 1,073 ล้านบาท โดยคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประเมินค่าการตลาดน้ำมันจะดีกว่าครึ่งปีแรกนี้ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 60 อยู่ที่ 446 ล้านบาท ลดลง 24%


ที่มา : manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9600000086500