รายงานการคาดการณ์ภาพรวมตลาดงานประจำปี 2560 จัดทำโดยบริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ภาพรวมตลาดงานอีก 5 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และประเทศไทย โดยพบว่า ผู้ประกอบการไทยมีแนวโน้มจะจ้างพนักงานเพิ่มเป็นอันดับที่สาม
สรุปภาพรวมทุกประเทศพบว่า 50% ของผู้ประกอบการจะจ้างพนักงานใหม่มาแทนตำแหน่งงานที่ว่างเท่านั้น ในขณะที่ 22% คาดว่าจะมีการขยายกิจการและการจ้างงานเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2560 จะเติบโตอยู่ที่ 3.5% รายงานยังระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่เพิ่มขึ้นถึง 6.6% ซึ่งสูงที่สุดในรอบสี่ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับรายงานของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่ระบุว่า เศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวในทิศทางตรงกันข้ามกับการขยายตัวของตลาดแรงงานในไทย โดยผลสำรวจการทำงานโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติประจำเดือนกรกฎาคม 2560 พบว่าคนไทยว่างงานเพิ่มขึ้นรวม 4.76 แสนคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.5 หมื่นคน
ผลสำรวจการคาดการณ์ตลาดงานในไทย พบว่า 43% ของบริษัทที่ร่วมสำรวจคาดว่าธุรกิจจะขยายกิจการและจ้างงานเพิ่ม ขณะที่ 39% คาดว่าจะมีการจ้างงานเพื่อทดแทนตำแหน่งงานเดิมที่ว่างลงหรือเฉพาะตำแหน่งงานที่จำเป็นเท่านั้น ความต้องการผู้หางานที่มีความสามารถยังมีต่อเนื่องเป็นผลจากการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค บริการและค้าปลีก
ผู้ประกอบการคาดว่าธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจะเติบโตดีกว่าปีก่อน โดยได้คะแนนระดับ 7 (จากคะแนนเต็ม 7) ซึ่งเท่ากันกับธุรกิจการผลิต ด้านผู้หางานมองว่า ธุรกิจบริการด้านการเงิน (3.86) ธุรกิจด้านโทรคมนาคม (3.83) และธุรกิจการผลิต (3.53) จะเติบโตน้อยกว่าปีก่อน
รายงานยังระบุอีกว่า 39% ของผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าตลาดแรงงานในประเทศไทยจะดีขึ้นกว่าปีก่อน (ผู้ประกอบการให้คะแนนเฉลี่ยที่ 4.30 คะแนน) ซึ่งสวนทางกับมุมมองของผู้หางานกว่า 50% ที่เชื่อว่าตลาดงานจะซบเซากว่าปีที่ผ่านมา ความย้อนแย้งของบริบทดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า แม้ความต้องการแรงงานของนายจ้างในประเทศไทยจะมีทิศทางขยายตัวขึ้น แต่ครึ่งหนึ่งของผู้หางานที่ตอบแบบสอบถามกลับไม่เชื่อมั่นว่าจะมีตำแหน่งงานรองรับอย่างเพียงพอ โดยปัจจัยที่ทำให้ผู้หางานมองภาพรวมตลาดงานในเชิงลบ เป็นผลจากการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นระหว่างผู้หางานที่อยู่ในสายงานเดียวกัน ประกอบกับความยากในการเข้าถึงตำแหน่งงานที่ตรงใจผู้หางาน
โดยประเภทธุรกิจที่ผู้หางานคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสได้ค้นพบตำแหน่งงานที่ตรงใจ 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (3.63) ธุรกิจการผลิต (3.53) และธุรกิจโทรคมนาคม (3.50) นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์อีกว่าการแข่งขันในสายงานของธุรกิจพลังงาน (6.20) ธุรกิจการผลิต (5.93) และธุรกิจโทรคมนาคม (5.67) จะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ตามลำดับ
บริษัทข้ามชาติ-สตาร์ทอัพ สร้างอาชีพใหม่
ทั้งนี้ผู้หางานยังให้ความคิดเห็นต่อการเติบโตของตลาดงานอีกว่า จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจต่างๆ รวมทั้งบริษัทต่างชาติที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย ประกอบกับสัญญาณการเติบโตในเชิงบวกของธุรกิจสตาร์ทอัพ จะก่อให้เกิดอาชีพใหม่หรือรูปแบบการทำงานที่หลากหลายมากขึ้นทำให้เกิดทักษะการทำงานใหม่ที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเนื้องาน ส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น
นพวรรณ จุลกนิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด แนะว่าภายใต้สภาวะที่ตลาดงานมีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการควรใช้สื่อออนไลน์ให้เกิดประโยชน์ นอกจากใช้เพื่อการสร้างแบรนด์องค์กร การทำการตลาด และติดต่อสื่อสารกับลูกค้าแล้ว ช่องทางออนไลน์ยังกลายเป็นช่องทางหลักที่ใช้ในการสรรหาว่าจ้างและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ขององค์กรได้อีกด้วย”
52% ของผู้หางาน เลือกใช้ช่องทางออนไลน์ในการค้นหาตำแหน่งงาน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน โดยผู้หางานใช้เว็บไซต์งานในการติดตามและดูความเคลื่อนไหวตลาดงาน อยู่ที่ 5.53 คะแนน ในขณะที่มีการใช้เว็บไซต์งานสมัครงานใหม่อยู่ที่ 5.47 คะแนน ผู้ประกอบการจึงควรหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ช่องทางออนไลน์ นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้หางานในการค้นหาและเข้าถึงตำแหน่งงานดีๆ ได้ตลอดเวลาแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานอีกด้วย
ข้อมูลจากการสำรวจของจ๊อบส์ดีบี พบว่าการอัปเดตโปรไฟล์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ 80% ของผู้หางานได้รับการติดต่อเสนองานและ 74% ได้งานทำภายใน 1เดือนหลังจากสมัครงาน
แนะวิธีรักษาพนักงานรุ่นใหม่
ผู้บริหาร จ็อบส์ ดีบี ยังได้แนะวิธีการรักษาและพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้อยู่ในองค์กรต่อไปได้
- ควรลงทุนเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สนับสนุนงานที่ช่วยเพิ่มคุณภาพ ทักษะของพนักงาน
- เพิ่มโอกาสและรายได้
- เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและพัฒนาความสามารถของพนักงาน
- ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของพนักงานทุกคน
- เตรียมพร้อมรับมือกับกลุ่มมนุษย์งานพันธุ์ใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดงาน ซึ่งเป็นคนกลุ่มที่เชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง เห็นคุณค่าของตัวเองมากกว่าที่จะยึดติดกับบริษัท และพร้อมที่จะลาจากเมื่อไม่เป็นที่ยอมรับ
- การทำงานเพื่อเงินเดือนใช้ไม่ได้กับแรงงานกลุ่มใหม่นี้อีกต่อไป เพราะแรงงานกลุ่มนี้ชอบการทำงานที่วัดผลได้ หากทำงานจนได้ผลลัพธ์ในเชิงบวก
- งานต้องสร้างประโยชน์ได้มากกว่าแค่เงินเดือนเพิ่ม และต้องพัฒนาให้พวกเขามีทักษะอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในฐานะทุนมนุษย์ด้วย