เมื่อสองเดือนที่แล้ว อินเทล ประเทศไทย ได้ริเริ่มแนวความคิดใหม่ในการทำการตลาดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน โดยอินเทลเริ่มติดต่อกับ Blogger ที่มีชื่อในหมู่สาวกไอที เพื่อให้มานั่งพูดคุยและสนทนาอย่างเป็นกันเอง
ก่อนอินเทลจะตบท้ายบทสนทนาแบบสรุปใจความสำคัญของความตั้งใจในครั้งนั้นว่า นับจากนี้จะไม่ทอดทิ้งเหล่า Blogger อีกต่อไปแล้ว เพราะอินเทลได้เล็งเห็นแล้วว่าอานุภาพของข้อมูลข่าวสารที่หลุดลอดออกมาจากปากของ Blogger ไม่เพียงแต่รวดเร็วทันใจ เกาะติดสถานการณ์แบบรายวินาทีเท่านั้น แต่ Blog กำลังจะกลายเป็นแหล่งเผยแพร่ข่าวสารที่มีอิทธิพลไม่น้อยหน้าสื่ออื่นๆ โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ที่กว่าทุกคนจะเห็นข่าวก็ต้องรอกันข้ามคืน
โดยกลยุทธ์มัดใจ Blogger เพื่อช่วยโปรโมตแบรนด์และสินค้าของอินเทล ไม่หยุดอยู่ที่การชักชวนให้ Blogger มาทำความรู้จักกับทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอินเทลเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึงการชักชวนให้ Blogger เข้าร่วมงานแถลงข่าวของอินเทล และยินดีให้ความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลให้กับ Blogger อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
วิธีการที่อินเทลกำลังมุ่งไป เป็นแนวทางที่ยังเห็นกันไม่มากนัก ทั้งๆ ที่สำหรับเมืองไทย แล้ว Blog มีอิทธิพลต่อคนยุคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และสร้างผลกระทบได้มากกว่าโฆษณาทั่วไป
ทั้งนี้ จากข้อมูลของค่าย ARiP พบว่ามีเพียง 14% ของผู้ชมเท่านั้นที่เชื่อโฆษณาที่เห็นจากทีวี แต่กลับเชื่อเนื้อหาใน Blog มากกว่า เพราะข้อมูลที่เขียนผ่านประสบการณ์จริงมาแล้ว นอกจากนี้ผู้อ่านมีการตอบสนองกับ Blog สูงถึง 87% เมื่อเทียบกับเว็บประเภทอื่นๆ (ดูตารางประกอบ) ดังนั้น Blogger จึงกลายเป็น “ผู้ทรงอิทธิพล” ในโลกการตลาดยุคใหม่ ซึ่งจำนวน “ผู้ทรงอิทธิพล” เพียง 10% ก็ส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้อื่นได้ถึง 90%
ประเภทของเว็บต่าง ๆ Blog
การตอบสนอง (%) 87
ประเภทของเว็บต่าง ๆ ชุมชนออนไลน์
การตอบสนอง (%) 67
ประเภทของเว็บต่าง ๆ เว็บความรู้ เช่น Wikipedia
การตอบสนอง (%) 62
ประเภทของเว็บต่าง ๆ RSS Feeds
การตอบสนอง (%) 62
ประเภทของเว็บต่าง ๆ Social Networking
การตอบสนอง (%) 60
ประเภทของเว็บต่าง ๆ เว็บบอร์ด
การตอบสนอง (%) 56
ประเภทของเว็บต่าง ๆ อภิปรายกลุ่ม
การตอบสนอง (%) 46
ประเภทของเว็บต่าง ๆ Podcast
การตอบสนอง (%) 44
ประเภทของเว็บต่าง ๆ แบ่งปันรูป
การตอบสนอง (%) 31
ประเภทของเว็บต่าง ๆ อื่น ๆ
การตอบสนอง (%) 15
ที่มา – Awareness Network
นอกจาก Blog จะมีอัตราการเข้าชมเหนียวแน่นในตัวเอง ยังเป็นที่ชื่นชอบของ Search Engines ต่างๆ เช่น Google, Yahoo หรือ Sanook นั่นแปลว่าคนทั่วไปมีโอกาสเห็นข้อมูลใน Blog ก่อนจะไปถึงเว็บประเภทอื่น
ประเภทการเยี่ยมชม Blog / % การเยี่ยมชม
ผ่าน Search Engines / 79.39
ผ่านลิงค์จากเว็บอื่น (Referring Sites) / 13.37
ชมผ่าน Blog โดยตรง (Direct Traffic) / 7.19
ที่มา – Truehit
นักการตลาดจึงต้องให้ความสำคัญกับ Blog และเนื้อหาภายในมากยิ่งขึ้น เพราะอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และยอดขายของแบรนด์หาก Blogger คนไหนบอกเล่าประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์ในทางลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็น Blogger ยอดนิยมด้วยแล้ว ผลกระทบจะแพร่กระจายรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง และบั่นทอนสินค้านั้นๆ ชนิดที่งบการตลาดมหึมาใดๆ ก็ไม่อาจชดเชยในภายหลังได้
ถึงอินเทลจะระบุว่ายังไม่ได้ทำการสำรวจจริงจังว่า Blogger ในไทยมีจำนวนกี่ราย แต่จากตัวเลขการเติบโตของการใช้บริการเว็บไซต์ซึ่งเปิดให้พื้นที่ฟรีสำหรับเขียนเรื่องราวส่วนตัวหรือที่เรียกว่า Blog ในไทยนั้นก็ใช้เป็นตัวเลขชี้ให้เห็นได้ว่า ทำไมอินเทลถึงพุ่งเป้าไปยัง Blog อย่างเร่งด่วน
โดยสถิติจากเว็บไซต์ truehits.net ของสำนักบริการเทคโนโลยีสารสนเทศภาครัฐ พบว่า ใน 10 อันดับแรกของเว็บไซต์ที่มีการเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม มีจำนวน 2 เว็บไซต์ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพื้นที่สำหรับ Blogger เป็นหลักเพียงอย่างเดียว ขณะที่แทบทุกเว็บไซต์ที่เหลือใน 10 อันดับมักจะมีส่วนของการให้บริการพื้นที่สำหรับเขียน Blog แทบทั้งสิ้นเช่นกัน
มาถึงตรงนี้ ปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไปแล้วว่า อินเทลจะอินไซด์คอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียวไม่ได้เสียแล้ว ยุคที่ Blog เกลื่อนเมืองและสร้างอิทธิพลทางด้านการสื่อสารเช่นนี้ เห็นทีอินเทลต้องอินไซด์ Blogger ไปด้วยถึงจะดี
Blog Fever
เมื่อเดือนเมษายน ปี 2550 Technorati หรือ technorati.com ซึ่งเป็นบริษัทค้นหาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Blog ในสหรัฐฯ เคยเผยแพร่ผลการสำรวจการใช้งาน Blog ทั่วโลกที่ชื่อ “State of the Blogosphere” และต่อไปนี้คือข้อมูลตัวเลขน่าสนใจบางส่วนในผลการสำรวจครั้งนั้น
•มี Blog หรือ Weblog ทั่วโลกแล้วกว่า 70 ล้าน Blog
•มี Blog ใหม่เกิดขึ้นโดยเฉลี่ย 120,000 Blog ต่อวัน หรือ 1.4 Blog ต่อวินาที
•มี Splogs (Blog ปลอมหรือ Spam Blog) เกิดใหม่ 3000-7000 Blog ต่อวัน
•เมื่อเดือนธันวาคมปี 2549 มีการสร้าง Splogs มากถึง 11,000 ไซต์ต่อวัน
•มีการโพสต์ข้อความบน Blog มากถึง 1.5 ชิ้นต่อวัน หรือ 17 ชิ้นต่อวินาที
•Blog ภาษาญี่ปุ่นมีมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก คิดเป็นสัดส่วน 37% ภาษาอังกฤษตามมาเป็นอันดับสองหรือ 33% อันดับสามคือภาษาจีน คิดเป็น 8% และอันดับสี่เป็นภาษาอิตาเลียน 3%
ที่มา http://technorati.com/weblog/2007/04/328.html
เว็บไซต์ TOP 10 ประจำเดือน กรกฎาคม 2008
เว็บไซต์ จำนวนครั้งในการเยี่ยมชม (IP)
1. www.sanook.com 504,759
2. www.kapook.com 331,646
3. www.mthai.com 234,808
4. www.manager.co.th 230,708
5. www.teenee.com 197,083
6. www.dek-d.com 183,027
7. www.exteen.com 181,423
8. www.bloggang.com 175,320
9. www.narak.com 118,057
10. www.meemodel.com 106,934
แทบทุกเว็บไซต์ใน 10 อันดับแรกมีการให้บริการพื้นที่เขียน Blog ฟรี ขณะที่อันดับ 7 และอันดับ 8 เว็บไซต์ยอดนิยมของไทยเป็นเว็บไซต์ที่เน้นให้บริการพื้นที่สำหรับเขียน Blog เพียงอย่างเดียว เฉพาะเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา www.bloggang.com เพียงเว็บไซต์เดียวมีจำนวนสมาชิกที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 74,478 ราย
ที่มา : truehits.net
