อาคารสำนักงาน หรือ ออฟฟิศเกรดเอแนวรถไฟฟ้า กำลังเป็นที่ต้องการของธุรกิจ Co-working space ข้ามชาติ ระดับโลก และภูมิภาค เข้าแย่งชิงพื้นที่ เชื่อธุรกิจ Co-working space ยังไปต่อ ตอบโจทย์ทั้งสตาร์ทอัพ แนวโน้มบริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่จะมาเช่าใช้
“อาคารสำนักงานหรือออฟฟิศเกรดเอ” มักถูกจับจองพื้นที่เป็นแหล่งทำงานของบริษัทชั้นนำกันจนแน่นขนัด ด้วยจุดเด่นออฟฟิศดังกล่าวตั้งอยู่บน “ทำเลทอง” ที่เป็นย่านใจกลางธุรกิจ (CBD) เช่น สุขุมวิท สีลม สาทร วิทยุ อโศก และขยายมาถึงทำย่านซีบีดีใหม่อย่าง รัชดาภิเษก-พระราม 9 ซึ่งมีการเชื่อมต่อจุดคมนาคมขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ที ศูนย์การค้า ตอบโจทย์ทั้งทำงานและไลฟ์สไตล์ชีวิตครบครัน
อาคารสำนักงานเกรดเอ ที่รู้จักกันดีมีมากมายทั้งเก่าและใหม่ เช่น ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์, แอทธินี ทาวเวอร์, ภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์, จีแลนด์, อาคาร เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ เป็นต้น
นอกจากบริษัทขนาดใหญ่ยึดพื้นที่ทำเลทองตั้งบริษัท สำนักงานทำงานแล้ว ยังมีบรรดาผู้ประกอบการ Co-working space เข้ามาแย่งพื้นที่เพื่อจัดตั้งพื้นที่ทำงานแข่งด้วย
“ยุพา เสถียรภาพอยุทธ์” ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน เจแอลแอล รายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ Co-working space หลายรายทั้งในระดับ “ภูมิภาค” และ “ระดับโลก” กำลังแสวงหาโอกาสเข้ามาเปิดธุรกิจในกรุงเทพฯ และส่วนใหญ่มีแผนที่เข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ ต้องการพื้นที่สำนักงานขนาดใหญ่ระหว่าง 1,000-3,000 ตารางเมตร ในอาคารสำนักงานเกรดเอ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือรถไฟฟ้าใต้ดิน
รูปแบบการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการดังกล่าว จะมาเป็น “หุ้นส่วน” กับเจ้าของอาคาร เสนอการแบ่งปันผลกำไรที่ได้จากการดำเนินการให้ แลกกับการจ่ายค่าเช่าในอัตราต่ำกว่าทั่วไป
“ข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นแนวคิดใหม่สำหรับเจ้าของอาคารในกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่ยังต้องการเก็บค่าเช่าเต็มอัตรามากกว่า เพราะภาวะปัจจุบันตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอมีปริมาณไม่เพียงพอรองรับความต้องการของผู้เช่า” สะท้อนให้เห็นว่าดีมานด์ของออฟฟิศเกรดเอที่มีสูง
ทั้งนี้ ภาวะขาดแคลนพื้นที่สำนักงานเป็น “ความท้าทายสำคัญ” สำหรับผู้ประกอบการ Co-working space รายใหญ่ที่ต้องการเข้ามารุกธุรกิจ และรายเดิมที่ต้องการขยายกิจการ เพราะออฟฟิศเกรดเอบนทำเลทองส่วนใหญ่พื้นที่เช่าเกือบเต็มและเต็มแล้ว ผู้ประกอบการ Co-working space บางรายต้องหันไปพิจารณาออฟฟิศ “เกรดรอง” แทน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดิน รวมถึงหันไปเลือกพิจารณาอาคารเกรดเอที่กำลังใกล้จะสร้างเสร็จ เพราะทั่วไปยังคงมีพื้นที่ว่างเหลือให้จับจองมากกว่าอาคารที่มีอยู่เดิม
สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่เลือก Co-working space ทำงาน จะเป็นกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ ผู้ทำงานอิสระ และมีแนวโน้มที่บริษัทหรือองค์กรขนาดใหญ่จะหันมาใช้บริการพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น ตัวอย่างในต่างประเทศมีให้เห็นได้แก่ WeWork ผู้ให้บริการ coworking space รายใหญ่ของโลก มีบริษัทชั้นนำหลายรายเป็นลูกค้าใช้บริการในลักษณะดังกล่าว เช่น KPMG, Merck, Dell, McKinsey & Co. และ Salesforce.com
ยุพา บอกอีกว่า ปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจ Co-working space ในกรุงเทพฯ ยังจะเติบโตต่อต่อเนื่อง และข้อดีหนึ่งของการใช้พื้นที่ทำงานร่วม คือมีสภาพแวดล้อมของสังคมซึ่งกระตุ้นให้เกิดการปฏิสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนความรู้ สอดรับกับไลฟ์ไตล์ของคนทำงานและวัฒนธรรมองค์กรที่กำลังเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล
เชื่อว่า Co-working space จะกลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ในอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ Co-working space เป็นธุรกิจบริการที่นั่งทำงานที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาใช้ร่วมกันได้ มีการคิดค่าบริการในรูปของค่าเช่ารายชั่วโมง รายวัน ไปจนถึงรายเดือน หรือค่าสมาชิกระยะยาว โดยจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ครบครันเช่นเดียวกับออฟฟิศสำนักงานของบริษัทต่างๆ ทั่วไป
ผู้ประกอบการ Co-working space ในกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เปิดให้บริการในตึกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และเริ่มมีการเปิดให้บริการตามอาคารสำนักงานอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น เช่น
Glowfish ที่อาคารอโศกทาวเวอร์ และอาคารสาทรธานี
Draft Board ที่อาคารอรกานต์ย่านชิดลม
Meticulous Offices และ Cluster Offices ซึ่งทั้งสองรายเปิดที่อาคารเอสเอสพีทาวเวอร์ เอกมัย
Kloud ที่อาคารฟลอริช รัชดาภิเษกซอย 18
Pencave ที่อาคารในป่า อาร์ท คอมเพลกส์ สุขุมวิท 46
BIGWork ที่อาคารสาธรนครทาวเวอร์
ส่วนผู้ให้บริการ Co-working space บางราย เดิมทีคือผู้ให้บริการสำนักงานสำเร็จรูปขนาดเล็กให้เช่า (มีเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต ตลอดไปจนถึงบริการแม่บ้าน) ภายหลังขยายให้บริการ Co-working space ร่วมรองรับความต้องการที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสตาร์ทอัพและผู้ทำงานอิสระ ได้แก่ Regus เปิดบริการในออฟฟิศกว่า 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯ Antares Office ที่อาคารอาร์เอสยูทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท และ CEO Suite ที่แอทธินีทาวเวอร์ ถนนวิทยุ
ปัจจุบันตลาดอาคารสำนักงานมีพื้นที่ประมาณ 8.5 ล้าน ตร.ม. และค่าเช่าออฟฟิศเกรดเอจะอยู่ตั้งแต่ 900-1,200 บาทต่อ ตร.ม. และบางอาคารสูงถึง 1,300 บาทต่อ ตร.ม.