หลายคนคงรู้จัก “มานิต อุมดมคุณธรรม” มากขึ้น เมื่อเขากลับมารุกอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในชื่อโครงการ “สวอนเลค เขาใหญ่” ภายใต้ บริษัท อีลิเชี่ยน ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด จากก่อนหน้านี้ชื่อของเขาจะปรากฎในฐานะผู้สร้างตำนาน “โรบินสัน” ห้างสรรพสินค้าอายุเก่าแก่กว่า 3 ทศวรรษ ซึ่งปัจจุบันเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล แห่ง “ตระกูลจิราธิวัฒน์”
ในยคุก่อสร้างโรบินสัน “มานิต” ได้คิด “กลยุทธ์การตลาด” ที่ฉีกทุกกรอบในยุคนั้น และยังกลายเป็น “คัมภีร์” การตลาดกระทั่งทุกวันนี้ เรื่องการมีร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า มีการจัดโปรโมชั่นแจกกระดาษชำระหรือทิชชู่จนผู้คนแห่มาช้อปปิ้ง ซื้อสินค้าถล่มทลาย และสะสมสแตมป์ สร้างเทรนด์ขึ้นมา ฝ่าด่านการแข่งขันค้าปลีกยุคนั้นที่เจอทั้ง “ไดมารู” และ “เซ็นทรัล ชิดลม”
ไม่เพียงธุรกิจห้างสรรพสินค้าเท่านั้น ที่เขาประสบความสำเร็จ เมื่อมาทำ “กางเกงยีนส์” คือธุรกิจแรกที่เขาก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา และแบรนด์ที่ใช้ “พีเจ” ยีนส์สัญชาติไทยที่เป็นเบอร์ 1 ท้าทายทั้งลีวายส์และฮ่าร่า(Hara) ได้ยาวนานถึง 15ปี
แม้วิกฤติเศรษฐกิจปี 40 จะทำให้ “มานิต” ต้องขายกิจการโรบินสันให้เซ็นทรัล และห่างหายจากวงการธุรกิจไปพอสมควร แต่เขาก็ยังอยู่เบื้องหลังธุรกิจอีกหลายบริษัท ทั้งเป็น “ประธานกรรมการบริหาร” โฮมโปร และธุรกิจร้านค้าปลีกอุปกรณ์กีฬาสปอร์ตเวิลด์ รวมถึงทำธุรกิจโรงแรมแบรนด์บุราส่าหรี ที่ภูเก็ต และเยาวราช
ทว่า การทำสวอนเลค เขาใหญ่ ทำให้ “มานิต” เป็นที่จับตามองอีกครั้ง เพราะการทำธุรกิจคราวนี้ถูกทักทายจากผู้คนรอบข้างถึง “ความบ้าบิ่น” ในด้านการทุ่มเงินมหาศาล 800 ล้านบาท เนรมิตที่ดิน 200 ไร่ ซึ่งแห้งแล้น หัวโล้น ให้เต็มไปด้วย “ทะเลสาบ” และ “ต้นไม้” ขณะที่คอนโดมิเนียมเพื่อพักอาศัย 8 ชั้นหรือโลว์ไรส์ มีเพียง 282 ยูนิตเท่านั้น และมูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท
โครงการเฟส 1 จำนวน 54 ยูนิต กำลังจะเร่งโอนภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าเข้าพักรับลมหนาวที่เขาใหญ่ ไล่หลังกันนี้ เขาเตรียมจะปั้น “สวอนเลค เชียงดาว” ที่จังหวัดเชียงใหม่ บนเนื้อที่ 200 ไร่ ซึ่งโชคดีทำเลติดแม่น้ำปิงยาว 2กิโลเมตร(กม.) และมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติเป็นจุดขาย
คอนเซ็ปต์การทำโครงการสวอนเลค เชียงดาว ยังเหมือนเดิม คือเริ่มต้นคิดจากการ “ออกแบบภูมิทัศน์” หรือแลนด์สเคปให้สำเร็จก่อน ทั้งการปลูกต้นไม้ ให้มีความร่มรื่น เพื่อให้ผู้อยู่สัมผัสความเป็นธรรมชาติมากสุด เฉพาะแผนปลูกต้นไม้ใบหญ้าใช้งบประมาณร่วม 100 ล้านบาท
“ถ้าเราคำนถึงถึงธุรกิจเป็นอันดับแรก โครงการคงไม่สวยแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำเป็นธุรกิจโครงการจึงสวย เพราะต้นไม้แพงๆเราซื้อมาลงหมด ก้อนหินใหญ่ในโครงการทุกก้อนก็ซื้อมาทั้งหมด ธุรกิจจึงเกิดขึ้นด้วยความชอบ ซึ่งการลงทุนขนาดนี้ มีแต่คนบ้าที่ทำอย่างนี้”
นอกจากเนรมิตป่าให้ผู้อยู่อาศัยในต่างจังหวัดแล้ว “มานิต” ยังเล็งหาที่ดิน 1,000 ไร่ ในกรุงเทพฯ พื่อยกสวอนเลค มาให้คนกรุงได้สัมผัสบ้าง ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าที่ดินดังกล่าวจะหาได้เมื่อไหร่ เพราะทำเลทองในกรุงเทพฯ นับวันเหลือน้อยเต็มที่ ยิ่งแปลงใหญ่พันไร่ ยิ่งหายากขึ้นเรื่อยๆ หรือหาได้ราคาก็แพงระยับ
ไม่เพียง “ป่า” ล้อมคอนโด ที่ทำให้คนจดจำ อีกสิ่งหนึ่งคือกลยุทธ์การทำตลาดของน้องใหม่ ด้วยการทุ่มทุนดึง “พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ทั้งที่วงการอสังหาฯ โดยทั่วไปยังไม่เห่อใช้ศิลปินดารามาเป็นแม่เหล็กสร้างการรับรู้แบรนด์นัก
“คุณเป็นมือใหม่ ทำยังไงจะให้ว้าว! ต้องคิดต่างจากทุกคนที่คิด แหวกตลาด และถามว่าเราผิดไหม ที่เลือกพี่เบิร์ด แล้วผลตอบรับดีไหม..ก็ดี นั่นแปลว่าเราคิดถูก การตลาดเก่ง เพราะด้วยภาพลักษณ์ของพี่เบิร์ดมีบุคลิกภาพที่ดี ชื่อเสียงดี ทำอะไรต้องเพอร์เฟ็ค เพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์แบบ เมื่อเขามาเป็นตัวแทนของสวอนเลค จะช่วยทำให้ชื่อเสียงโครงการน่าเชื่อถือมากขึ้น และป๊อก! ผลตอบรับดีมาก แป๊บเดียวคอนโดขายหมด”
ทว่า กุญแจที่ไขสู่ความสำเร็จจากธุรกิจที่เขาทำมา ไม่ว่า โรบินสัน พีเจ ยีนส์ จนถึงสวอนเลค เขาใหญ่ “มานิต” บอกว่า “ลูกค้าสำคัญที่สุด ดังนั้นสินค้าและบริการต้องดีที่สุด ราคาดีสุด ถูกสุด ดีสุด นี่คือหลักง่ายๆ ไม่ว่าทำอะไร ถ้าขายก๋วยเตี๋ยว ต้องเริ่มจากอร่อย ดีไหม ถูกไหม 3 อย่างดี ดังระเบิด”