ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า 2.3 แสนล้านบาท ตบเท้าขยับราคาเพิ่ม 10% รับปี 61 ประเดิมด้วยทีวีสตาร์ทเปิดเกมรับอีเวนต์ใหญ่บอลโลก ตามด้วยกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อ้างมาพร้อมนวัตกรรมที่ดีกว่าเดิม ชี้เทรนด์ราคาสินค้าระดับแมสเหลือสัดส่วนแค่ 20% ของตลาด ต่างจังหวัดใจใหญ่รับวิถีคนเมือง ยอมควักกระเป๋าซื้อในราคาแพง
ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าตลอดปี 2560 ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่หวือหวามากนัก แถมยังมียอดขายติดลบ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศที่ติดลบ 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับเครื่องซักผ้า กลับเติบโตขึ้น 10-12% โดยทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้จะมีการเติบโตที่สวนทางกันเป็นเรื่องปกติ ส่งผลให้กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งปี 2560 นี้ยังมีอัตราการเติบโต 1 หลักได้
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ภายในปีหน้าหรือ 2561 จะมีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของราคา โดยรวมจะมีการปรับราคาเฉลี่ยขึ้นอีกอย่างน้อย 5-10% ขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละประเภท จากปกติมีการปรับราคาขี้นอยู่แล้วทุกปี
นางสาวเสาวนีย์ สิราริยกุล ผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า การปรับราคาสินค้าของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นเกิดขึ้นทุกปี ขณะที่ปีหน้าจะเห็นการปรับราคาชัดเจนขึ้น ในหลายๆกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งการปรับราคาขึ้นนั้น เกิดจากการนำเสนอสินค้าใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรม โดยเฉพาะกลุ่มทีวี ปีหน้าจะมีมหกรรมกีฬาฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งจะมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ออกมา ส่งผลให้ราคาทีวีขยับสูงขึ้นอีก
ส่วนในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ปีหน้าจะมีการปรับราคาขึ้นเช่นกัน ส่วนสำคัญมาจาก พฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มกลางลงล่าง หรือกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด ที่พร้อมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้รับสินค้าที่ดีมีนวัตกรรม เช่นเดียวกับคนเมืองหรือคนกรุงเทพฯ มากกว่าเหตุผลในเรื่องของการใช้งานเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปีหน้าแต่ละแบรนด์จะมุ่งทำตลาดระดับพรีเมี่ยมแมสมากขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นเทรนด์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนที่ผ่านมา ทั้งนี้เชื่อว่าสินค้าระดับแมสจะยังคงมีอยู่และไม่หายไปจากตลาดแน่นอน แต่จะลดสัดส่วนลงเหลืออย่างน้อย 20% ของภาพรวมการใช้งานทั้งหมด
“ทิศทางการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่าง จะเน้นความเป็นพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ลูกค้าพร้อมยอมจ่ายเพิ่มขึ้น เพราะต้องการความคุ้มค่าและคุณภาพที่ดีขึ้น แต่สินค้าระดับแมสก็ยังคงอยู่ เพราะยังมีความต้องการสำหรับบางกลุ่ม เช่น กลุ่มใช้แรงงาน สาวโรงงาน กลุ่มผู้เช่าหอพัก ที่จะเน้นซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกเน้นใช้งานเป็นหลัก” นางสาวเสาวนีย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะลูกค้าระดับกลางลงล่างซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของประเทศ มุ่งไปสู่ความต้องการสินค้าที่มีความเป็นพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้นนั้น ส่งผลให้ทิศทางของซัมซุงรวมถึงแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ พร้อมมุ่งไปสู่ความเป็นพรีเมี่ยมมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจะขยับตัวแล้ว ในกลุ่มช่องทางจำหน่ายอย่างไฮเปอร์มาร์เก็เองนั้น ก็พร้อมปรับตัวนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความเป็นพรีเมี่ยมมากขึ้นเช่นกัน
** * “บิ๊กซี” ปรับเครื่องใช้ไฟฟ้าสู่พรีเมี่ยม
นางสาวศิวาพร สัมมุตถี ผู้อำนวยการแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัทบีเจซี เปิดเผยว่า พฤติกรรมการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าของลูกค้าในบิ๊กซีทั้งจากช่วงเวลาปกติ และจากการจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย อย่างในช่วงเวลาของการนำมาตรการช้อปช่วยชาติมาใช้ ทางบิ๊กซีได้จัดโปรโมชั่นสนองนโยบายนี้ไปแล้วกว่า 3 แคมเปญ ล่าสุดกับแคมเปญที่ 4 คือ Big C Electronics Solution Fair พบว่ายอดขายกว่าครึ่งจะมาจากทางต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ
“พฤติกรรมลูกค้าต่างจังหวัดหรือกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่าง จะหันมาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีราคาสูงขึ้น พร้อมจ่ายเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพและนวัตกรรมที่ดีกว่า จากทิศทางที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บิ๊กซีมีแผนที่จะรีโนเวตพื้นที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า”
โดยรายละเอียดในปีหน้า บิ๊กซีจะเน้นในเรื่องของการรีโนเวต ไปพร้อมกับเพิ่มจำนวนสาขาตามแผน โดยในส่วนของการรีโนเวตนั้น จะให้ความสำคัญกับการเพิ่มพื้นที่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า นำเสนอโปรดักส์สู่กลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มมือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน มั่นใจว่าจะกระตุ้นยอดขายกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 10-20% จากปัจจุบันทำยอดขายที่ 20-25% ของยอดขายรวมทั้งหมด
ปัจจุบันบิ๊กซีมีสาขาทั้งหมดมากกว่า 700 สาขา แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 135 สาขา, บิ๊กซีมาร์เก็ต 55 สาขา และมินิบิ๊กซี 500 กว่าสาขา
ด้านนายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวเสริมว่า ทิศทางของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กำลังทรานฟอร์ม (Transform) หรือเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเบสิกธรรมดาสู่รูปแบบที่ทันสมัย เน้นสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิต ส่งผลให้ปัจจุบันคาดว่าสินค้าที่เน้นการใช้งานอย่างเดียวมีเหลืออยู่ 40% ของตลาด และอีก 60% เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มหรือมีแวลูแอดมากขึ้น
ส่วนในเรื่องของราคา มีการปรับขึ้นทุกปี เพราะปัจจุบันไม่มีวงรอบของการปรับราคาแล้ว เพราะมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ตู้เย็นนำเสนอรุ่นไซด์บายไซด์แทนประตูเดียว หรือเครื่องซักผ้าจากฝาบนมาเป็นฝาหน้า เป็นต้น ซึ่งทำให้มีการปรับราคาสินค้าตามไปด้วย หรือแต่ละปีน่าจะมีสินค้าใหม่เทียบกับรุ่นเดิมแต่เพิ่มนวัตกรรมเข้ามานั้น เฉลี่ยมีาราคาสูงขึ้นราว 10%
อย่างไรก็ตาม มองว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า 233,000 ล้านบาท โต 2-3% ในปีนี้ และปีหน้าน่าจะโตได้ 5% โดยทุกกลุ่มมีอัตราการเติบโตเป็นบวกหมด จากปีนี้ทีวี ติดลบ 3% และแอร์คิดลบ 7% ซึ่งยอดขายของเพาวอร์มอลล์กว่า 40% มาจากมือถือ รองลงมาคือ แอร์ 15% และทีวี 12-13%.
ที่มา : mgronline.com/business/detail/9600000130345
