“แอบมองเธออยู่นะจ๊ะแต่เธอไม่รู้บ้างเลย” … ประโยคขึ้นต้นของเพลงดัง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ของวง “BNK48” ที่หลายคนคงร้องและฮัมเพลงได้เป็นอย่างดี และถ้าเวลานี้ใครไม่รู้จักวงนี้ อาจเป็นมนุษย์ FoMO (Fear of Missing Out) ตกขบวนก็เป็นได้
ด้วยความแรงข้ามปีของ BNK48 หลายคนรู้จักว่าเป็นไอดอลที่ขายความเป็นตัวตน “ความพยายาม” มากกว่าความเป็นศิลปินที่ทั้งร้อง เต้น เก่งเป๊ะเว่อร์ แต่ลองมาดูอีกมุมนึงในมิติด้านธุรกิจ นี่คือ “โมเดล” การทำเงิน หารายได้ที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง
แจ้งเกิดอย่างสวยหรูสำหรับไอดอล BNK48 กลุ่มไอดอลน้องสาว (Sister group) ของ AKB48 จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจการบริหารศิลปิน (Artists management) ที่ก่อตั้งโดย “อากิโมโตะ ยาสึชิ” ในระยะเวลา 12 ปีเท่านั้น เจตนารมย์ของธุรกิจนี้ ยาสึชิ ต้องการให้เป็นไอดอลที่คุณสามารถพบปะได้ หรือ Idol You can Meet จนกลายเป็น “แฟรนไชส์” โด่งดัง กระจายไปยังหลายประเทศในเอเชีย
แต่ในไทย นี่คือโมเดลธุรกิจของบริษัท โรสอาร์ทิสท์ แมเนจเม้นท์ (RAM) ในเครือโรส มีเดีย ที่กำลังหาทางคืนชีพให้กับธุรกิจของครอบครัว โดยมี “เขย” คือ “จิรัฐ บวรวัฒนะ” เป็นผู้นำแฟรนไชส์เข้ามา
ย้อนไปดูธุรกิจของกลุ่มโรส มีเดีย คือการทำเงินจากธุรกิจบันเทิง การถือครองลิขสิทธิ์การ์ตูน หนัง เพลง และอีกมากมายเพื่อผลิตและจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีและดีวีดีมากว่า 3 ทศวรรษ แต่ดิจิทัลที่ถาโถมเข้ามา ส่งผลกระเทือนธุรกิจหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นหมายถึง “รายได้” และ “กำไร” อยู่ในภาวะถดถอย
ที่ผ่านมา “ตระกูลมนต์พิชิต” ผู้ก่อตั้งโรส มีเดีย พยายามปรับตัวแตกไลน์ (Diversify) ลุยธุรกิจใหม่เพื่อสร้างการเติบโต ทั้งเปิดร้านเบเกอรี “Milch Milch ชีสเค้ก” ที่สยามพารากอน โดยมี ”ทายาทรุ่น 2” เป็นหุ้นส่วนกับ “เป้ย ปานวาด” นำของดีจากญี่ปุ่นมาขายดีจนคนต่อคิวรอซื้อกันพักใหญ่ แต่คนไทยเห่อไม่นานก็เลิก ยอดขายก็ตกลงตามระเบียบ
แต่ธุรกิจไม่ถึงทางตันซะทีเดียว เพราะในฐานะที่บริษัทมีการทำธุรกิจซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูจากประเทศญี่ปุ่นมาทำตลาดในไทยอยู่แล้ว ประกอบกับเห็นความดังของ AKB48 จึง “เสี่ยง” นำมาบุกเบิกในประเทศไทย
เหตุผลที่ BNK48 เสี่ยง เพราะโมเดลการบริหารศิลปินจนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในบ้านเรายังเป็นตลาดที่เล็กและเฉพาะอยู่มากๆ (Niche Market) โอกาสรุ่งและร่วงมีพอๆ กัน แต่ถึงแม้จะมีอุปสรรค (Threat) จากการเป็นธุรกิจ “ใหม่ถอดด้าม” คนไม่ค่อยรู้จัก แต่จุดแข็ง (Strength) ก็มีอยู่ไม่น้อย ดังนี้
- การซื้อแฟรนไชนส์เข้ามา หมายความว่า บริษัทยก “สูตรสำเร็จ” จากญี่ปุ่นมาปรับใช้และเดินตามได้ทันที
- ธุรกิจใหม่ สามารถสร้างความแตกต่างในตลาดได้ ดึงดูความสนใจและเป็นกระแสได้ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยช่างเห่อ ชอบลองของใหม่
- ฐานแฟนคลับของ AKB48 ช่วยสร้างการรับรู้ของโมเดลธุรกิจให้แก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้
- ประเทศไทยมีความชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายอย่าง เอื้อต่อการเปิดรับความเป็นญี่ปุ่น
- ธุรกิจญี่ปุ่นที่อยู่ในไทยให้ความสนใจในการดึงไอดอลวงนี้ไปร่วมกิจกรรม
+++3 ช่องทางดูดเงินสายเปย์
ขณะที่จุดขายของ BNK48 ที่มีสาวๆ วัยรุ่นน่ารักคาวาอี้มาแจกความสดใส เรียกเรตติ้งให้แฟนๆ แล้ว พวกเธอเป็นโมเดลที่ทำเงินได้หลากหลายถึง 3 ช่องทางหลัก ในสัดส่วยรายได้เท่าๆ กัน ดังนี้
1. การขายสินค้า (Merchandise)
เช่น ซีดี เสื้อ รูปภาพ ของที่ระลึก ที่ผ่านมาช่วงน้ำท่วมมีการประมูลภาพของกัปตันเฌอปราง ไปในราคาสูงกว่า 7 หมื่นบาทเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นว่าสายเปย์ยอมทุ่มเพื่อไอดอลคนโปรด
2. งานโชว์ตัว การเป็นพรีเซ็นเตอร์ ออกอีเวนต์ต่างๆ ไม่ต่างจากศิลปิน ดาราทั่วไปนั่นเอง
ไฮไลต์หนึ่งที่ต้องพูดถึงคือ “งานจับมือ” บอกเลยไม่ธรรมดา เพราะบรรดาโอตะ (แฟนคลับ) ที่จะสัมผัสมือไอดอลได้ จะต้องซื้อสินค้าตามข้อ 1 เพื่อแลกกับ 10 วินาทีที่ได้จับมือโอชิ (สมาชิกที่ชอบ เชียร์) ซึ่งตรงนี้แฟนคลับและแฟนขับเริ่มแซวผู้จัดงานแรงๆ ผ่านการตั้งกระทู้แซว Pantip ว่า บริษัทกำลังร้อนเงิน ถึงขั้นจัดกิจกรรม (อีเวนต์) ถี่ยิบเพื่อดูดเงินจากกระเป๋าแฟนๆ
อีกหนึ่งอย่างที่จะได้เห็นในการทำเงินเร็วๆ นี้ คือ การเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้โอตะกำลังเดากันว่า BNK48 จะได้นำเสนอสินค้าใด แต่ในลิสต์มีรถจักรยานยนต์ AP Honda
3. หารายได้คือการทำรายการโทรทัศน์ (คอนเทนต์) การเล่นละคร เป็นศิลปิน
ยกระดับสร้างการรับรู้ให้กับพวกเธอจาก Niche ไปสู่ตลาดที่กว้างใหญ่ (Mass) ขึ้น ซึ่งจะหมายถึง “ค่าตัว” ที่สูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ การหารายได้ยังมาจากการไลฟ์สดผ่าน Digital live studio ที่ Emquatier หรือเรียกว่าตู้ปลาด้วย ซึ่งแฟนๆสามารถส่งกำลังใจที่เป็นราคาได้ด้วย เรียกว่าทุกสเต็ปของพวกเธอทำเงินได้หมด และโมเดลการหารายได้ของ BNK48 ในไทยนั้นทำครบทุกด้าน แตกต่างจาก AKB48 ที่บริหารจัดการศิลปินอย่างเดียวเท่านั้น
+++คาวาอี้โดนใจกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย
แม้ไอดอลกลุ่มนี้จะฮิตติดลมบน หลายคนคงอยากรู้ว่า “กลุ่มเป้าหมาย” ของพวกเธอคือใคร จากการรวบรวมข้อมูลพบว่ามีความหลากหลายมาก ด้วยตัวตนไอดอลเป็นเด็กอายุ 14-15 ไปจนถึง 22 ปี ในวัยเด็กๆ แน่นอน “ผู้หญิง” ชื่นชอบเยอะ แต่ถ้าดูโดยรวมกลับพบว่า “ผู้ชาย” สัดส่วน 60% มาสมัครเป็นโอตะ วัยก็จะประมาณ 25-34 ปี แต่เด็ดกว่านั้นยังมีแฟนคลับอายุ 70 ปีมาติดตามด้วย
อย่างไรก็ตาม BNK48 อาจจุดระเบิดโมเดลธุรกิจใหม่ให้วงการบันเทิงและสื่อ แต่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าความสำเร็จนี้จะ “ยั่งยืน” แค่ไหน เพราะอย่าลืมว่าพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทย บ้ากระแสไม่นานนัก อีกทั้งเวลานี้ K-Pop ยังครองเมือง T-Pop (Thailand) ในคราบ J-Pop จะไต่สเต็ปไปเป็นแมสได้ไหม ยังต้องรอให้ผู้บริโภคพิสูจน์อีกพักใหญ่
ไม่ทุกคนหรอกที่ครุ่นคิด และวางแผนหนีออกจากกรอบมนุษย์เงินเดือนตั้งแต่เมื่อครั้งยังอยู่ในวัยเยาว์ และไม่ทุกคนอีกเช่นกัน ที่ตัดสินใจทิ้งตำแหน่งต้นหนเรือเดินสมุทร ซึ่งเดินทางไปตามท่าเรือต่างๆ ทั่วเอเชีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน เกาหลี มาเป็นที่ปรึกษาการลงทุนให้กับบริษัทต่างชาติควบคู่ไปกับการศึกษาในระดับปริญญาโทเพิ่มเติมในด้านการจัดการโดยเน้นที่ E-Commerce วันนี้เขานั่งตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท อิกไนท์ เอเชีย จำกัด (iGnite Asia) ที่เพิ่งเปิดตัว 50 สาว ที่เข้าร่วมโครงการ classmate 50 โซเชียล เน็ตเวิร์ก เกมโชว์รูปแบบเรียลิตี้รายแรกของโลกที่กำลังโด่งดัง
หากนับจำนวนปีถึงปีนี้เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว ประธานกรรมการวัย 37 ปี “จิรัฐ บวรวัฒนะ” โลดแล่น และไล่ล่าความฝันที่เขาฝันไว้ แม้จำนวนเวลาจะมากพอทำให้เขามีโอกาสได้สัมผัสงานที่หลากหลาย และแตกต่าง แต่ทุกงานที่เขาสัมผัสตั้งอยู่บนพื้นฐานที่สำคัญเหมือนกัน คือการสื่อสารที่ดีกับคนทุกระดับชั้น
จากช่วงแรกของการทำงาน หลังจบการศึกษาจากสถาบันพาณิชยนาวี “จิรัฐ บวรวัฒนะ” ได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ผจญภัยอยู่ในทะเล ท่ามกลางคลื่นลมในตำแหน่งต้นหนเรือเดินสมุทร เดินทางไปตามท่าเรือต่างๆ ทั่วเอเชีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน เกาหลี และได้ซึมซับวัฒนธรรมที่หลากหลายในความเป็นเอเชีย เป็นระยะเวลา 3 ปี
แต่เมื่อรู้สึกว่าสังคมบนเรือเริ่มคับแคบ เขาก็ขึ้นฝั่งมาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาการลงทุนให้กับบริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการศึกษาในระดับปริญญาโทเพิ่มเติมในด้านการจัดการโดยเน้นที่ E-Commerce ซึ่งถือเป็นยุคแรกของ E-Commerce ในประเทศไทย
ด้วยความที่เป็นคนชอบด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงได้เริ่มงานใหม่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจกับบริษัท inet asia บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้าน E-Commerce ขนาดใหญ่จากประเทศแคนาดา ซึ่งได้สร้างผลงานมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเว็บไซต์ให้กับ Tesco Lotus ในขณะนั้น
ทันทีที่ได้รับการชักชวนจากผู้บริหาร EGV (ในขณะนั้น) ให้เข้ามาทำงานด้านการพัฒนาธุรกิจใหม่ เขาก็พร้อมจะเปลี่ยนโดยไม่ลังเล ความกล้าทำให้เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น Vice President New Business Development ก่อนจะลาออกมาภายหลังจากที่ EGV ได้เข้ามาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเข้ามาช่วยงานในบริษัทของครอบครัวภรรยา ซึ่งในขณะนั้นชื่อ ROSE VDO
ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ทำงานกับ ROSE VDO ก่อเกิดงานที่ประสบความสำเร็จมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจจากผู้ผลิต และผู้จำหน่าย VCD&DVD ไปสู่การเป็น Content Provider ดำเนินงานครอบคลุมสื่อที่หลากหลาย ทั้ง Free TV, Satellite TV, Cable TV และ Mobile อีกทั้งขยายไปสู่การเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์การ์ตูนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ก่อนจะก้าวขึ้นไปสู่การเป็นเจ้าของช่อง Gang Cartoon ช่องที่มีผู้นิยมชมชอบมากที่สุดในเครือข่ายของเคเบิลทีวี จากการสำรวจของ AGB Nielson
ความสำเร็จอาจสะกดให้ผู้โหยหาความสำเร็จหยุดอยู่กับที่ แต่นั่นไม่ใช่ผู้ก่อตั้งบริษัท อิกไนท์ เอเชีย จำกัด (iGnite Asia) ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความเชื่อในทิศทางด้านวัฒนธรรม ที่มีการผสมผสานวัฒนธรรมเอเชียเข้าด้วยกัน โดยการเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ และ New Media สื่อที่มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ และร่วมกันจัดตั้งบริษัทไทยแลนด์แอนนิเมชั่น ร่วมทุนกว่า 100 ล้านบาท กับต่างประเทศเพื่อผลิตการ์ตูนขายไปทั่วโลก เฉกเช่น “จิรัฐ บวรวัฒนะ” เด็ดขาด
เมื่อถามว่าความฝันของเขาต่างไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน ประธานกรรมการบริษัทฯ เผยว่า “ตอนผมเรียนมัธยมผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า อยากทำงานที่มันไม่มีกรอบเท่านั้นนะ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอะไร เพราะความที่พ่อแม่เป็นพนักงานบริษัท เช้าตื่นไปทำงานเย็นกลับบ้าน ดูแล้วชีวิตน่าเบื่อ ผมคิดเสมอว่าอยากจะออกจากกรอบนั้นให้ได้แค่นั้นเองครับ”
พูดได้ว่า “จิรัฐ บวรวัฒนะ” มาถึงจุดนี้เพราะการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ซึ่งเขามองว่าข่าวธุรกิจเป็นนวนิยายธุรกิจ มีตัวละคร มีฉากการแสดงที่สนุกและน่าติดตาม ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะเขายอมรับว่า หนังสือธุรกิจให้ทั้งความสนุก และประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้
“ผมมองการทำธุรกิจคือความสนุก สนุกในการขยาย ในการพัฒนา และได้เห็นในมุมของการล้มเหลว ชนะบ้าง แพ้บ้าง การมีโอกาสได้อ่านนิยายชีวิตของนักธุรกิจตามหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจ ทำให้ผมมีประสบการณ์ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย”
คนบางคนอาจรู้สึกกลัวกับการเริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับประธานกรรมการหนุ่ม บอกว่า สำหรับเขาแล้วทุกการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะดีหรือร้าย คือความท้าทายที่สนุก ที่เราจะต้องมองหามุมที่ดีให้มันเสมอๆ เพราะเชื่อว่าในสิ่งที่เลวร้ายจะมีสิ่งดีซ่อนอยู่ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงคือโอกาสของชีวิต
ถามว่ากลัวไหม ผมไม่ค่อยกลัว เคล็ดลับก็ไม่มีอะไรแค่ดูคนให้เยอะ อ่านคนให้เห็น และมีทัศนคติต่อโลก ต่อตัวเอง ทัศนคติของผมคือจะไม่ยอมแพ้ หรือถ้าต้องแพ้วันนี้จริง ก็ต้องชนะในวันข้างหน้า ที่สำคัญอย่ากลัวการพ่ายแพ้ เพราะความแพ้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร
สิ่งที่ผมเคยทำในอดีต มันก็มีทั้งสิ่งที่ล้มเหลว และสิ่งที่ผิดพลาด ผมทำมาเยอะ 10 อย่าง อาจจะประสบความสำเร็จสัก 2 อย่างก็ได้ แต่ 8 อย่างที่ล้มเหลวต้องเอาไว้เป็นบทเรียน ต้องเก็บไว้เป็นประสบการณ์ และต้องเก็บไว้เรียนรู้จากสิ่งที่ผิด ผมจึงไม่ค่อยกลัวกับการผิดพลาด
ต่อคำถามว่า เจ้าพ่อโปรเจกต์คนนี้หาแรงบันดาลใจ ไอเดียมาจากไหนมากมาย เขาบอกง่ายๆ ว่า ทั้งหมดมาจากหนังสือที่อ่าน ทีวีที่ดู ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว การเดินทาง สังเกต และวิเคราะห์
“ผมเป็นคนบ้าวิเคราะห์ อย่างเมื่อก่อนผมไม่สนใจข่าวบันเทิงนะ ไม่ค่อยสนุกกับมันด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้เมื่อต้องมาทำธุรกิจที่เป็นเวรี่บันเทิง ผมก็ต้องเปิดช่องดารา เกาะติดข่าวบันเทิง ซื้อหนังสือหัวบันเทิงมาอ่าน เพื่อเรียนรู้แล้วก็วิเคราะห์ข่าวบันเทิง”
ประธานกรรมการ บริษัท อิกไนท์ เอเชีย จำกัด (iGnite Asia) มองว่า การทำงานที่เจ้านายให้ทำทุกงานไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบ แต่เป็นโอกาสดีที่มีคนมาจ้างให้เรามีประสบการณ์ชีวิต ให้เราได้ลองผิดลองถูก ที่สำคัญต้องกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ
คนส่วนใหญ่ไม่กล้า แม้บางคนจะกล้าแต่ก็มาไม่เต็มตัว โดยส่วนตัวผมไม่เคยเชื่อว่าเราสามารถทำสองอย่างให้ดีได้ ถ้าจะได้ดีคุณต้องไม่มีเผื่อ ต้องไม่มีข้างหลัง เพราะถ้ายังข้างหลังมันจะไม่สุด อุปสรรคใหญ่ๆ อยู่ที่ไหน การเรียนสูง เลยวิเคราะห์เยอะ และฉลาดเกินไป…คำว่าความมั่นคง คือความยากของเจเนอเรชั่นใหม่ที่มีความรู้ เจเนอเรชั่นที่มีภาระ คือความโลภ ทำให้เราดึงอยู่ข้างหลังตลอดเวลา
สนับสนุนข่าวจาก : manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000143553