นับตั้งแต่ “ปตท.” ได้หันมาให้ความสำคัญในการขยายธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) มากขึ้น ได้เปิดโมเดลการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายร้านกาแฟอเมซอนเชิงรุก การเพิ่มแบรนด์สินค้าและบริการ เพิ่มร้านอาหารภายในสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) การซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ไก่ทอด “เท็กซัสชิคเก้น” เข้ามาทำตลาด การวางแผนจะผุดโรงแรมในปั๊ม
ส่วนแผนในปี 2561 ปตท.ยังเตรียมเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้าไปในปั๊มมากขึ้น โดยเฉพาะ “โรงแรม” ที่เคยเบรกแผนทำโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) ไประยะหนึ่ง ปีนี้ฟันธงว่าเกิดแน่นอน รอเพียงกระบวนการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินการอยู่ กลางปีสรุปได้
“ฟิตเนส” เป็นอีก 1 บริการที่ ปตท.สนใจนำเข้ามาให้บริการภายในปั๊ม เพื่อตอบเทรนด์รักสุขภาพของคนไทยหันมาให้ความสนใจออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก ทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน จึงเป็นโอกาสที่จะเติมเต็มความต้องการดังกล่าว
“สนามฟุตซอล” ก็เป็นอีกหนึ่งในเป้าหมาย ถ้าหากนับประเภทกีฬาสุดฮิตของคนไทยและทั้งโลก “ฟุตบอล” ถือว่ามาอันดับ 1 ก็ว่าได้ และนอกจากความตื่นตัวของผู้บริโภคเรื่องกระแสสุขภาพแล้ว การเล่นฟุตบอลก็เป็นอีกไฮไลต์หนึ่งที่คนให้ความสนใจ และหาก ปตท.เอาดีบริการด้านนี้ ก็เพื่อเป็นการจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย
ถ้าหากพูดถึงปั๊ม ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ และห้องน้ำ จะเป็นไฮไลต์ที่คนเข้าไปใช้บริการแล้ว “ร้านอาหาร” ก็เป็นอีกหนึ่งใน “จุดขาย” เพราะเดินทางแล้วต้องอิ่มท้องด้วย ดังนั้น ปตท.จึงเดินหน้าเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารอีก 10 แห่งในปีนี้ เพื่อขยับจำนวนร้านให้มากขึ้นเป็น 90 แบรนด์ จากปัจจุบันมี 80 แบรนด์
ล่าสุดได้อยู่ระหว่างการเจรจากับแบรนด์ “เชนร้านอาหารรายใหญ่ 1-2 แบรนด์” เข้ามาเสริมทัพ จากเดิมที่มีแบรนด์หัวหอกจำนวนมาก เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น เอสแอนด์พี แบล็กแคนยอน แมคโดนัลด์ เอแอนด์ดับบลิว ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ชานมไข่มุกเพิร์ล เป็นต้น โดยแบรนด์ที่มีมากขึ้นนี้จะถูกนำไปปักหมุดตามปั๊มสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ ส่วนแบรนด์ไหนจะลงพื้นที่ใดต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละทำเล ตลาด และความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่นั้นๆ
คาเฟ่อเมซอนขยายอีก 300 สาขา
ขณะที่แบรนด์ “แม่เหล็ก” ของ ปตท.เอง อย่างร้านกาแฟ “คาเฟ่อเมซอน” ปีนี้ก็ยังคงเปิดเกมรุกดักกำลังซื้อคอกาแฟด้วยการขยายร้านใหม่เพิ่มกว่า 300 สาขา ภายใต้งบลงทุนกว่า 750 ล้านบาท โดยสาขาใหม่ที่จะเปิดมีทั้งในปั๊ม และนอกปั๊ม ปตท. ส่วนรูปแบบร้านยังคงสร้างความหลากหลายให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เช่น ร้านกระจกโปร่งใส คีออสก์ในห้างค้าปลีก
นอกจากนี้ ยังเตรียมสาขา “ไดรฟ์ทรู” เพราะหลังจากชิมลางเปิดร้านในปั๊มสาขาพระราม 2 กระแสดีเลยเตรียมเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาในปั๊ม ลงทุนเฉลี่ย 10 ล้านบาทต่อสาขา
อย่างไรก็ตาม การเปิดร้านคาเฟ่อเมซอนปีนี้จะเป็นการลงทุนของแฟรนไชส์ 80% และ ปตท.ลงทุนเอง 20% ซึ่งการอาศัยแฟรนไชส์ จะเป็นตัว “สปีด” ให้ขยายธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น และยังช่วยดันยอดขายปีนี้ให้เติบโต 25% จากปี 2560 ขายกาแฟไปถึง 180 ล้านแก้ว
ส่วนการโกอินเตอร์ของคาเฟ่อเมซอนปีนี้ จะเห็นการรุกคืบ “แดนมังกร” ด้วยการเปิดร้านที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อลองตลาดชาวจีน รวมถึงประเทศโอมาน ที่ ปตท.เข้าไปปูฐานธุรกิจไว้เรียบร้อย เพื่อจะลุยธุรกิจปั๊มน้ำมันแบบครบวงจร ที่มีบริการแน่นปึ้ก ปัจจุบันร้านคาเฟ่อเมซอนเปิดให้บริการในหลายประเทศ เช่น เมียนมา ลาว ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม แม้จะให้น้ำหนักเพิ่มแบรนด์ต่างๆ ในปั๊ม การลุยตลาดต่างแดน แต่การขยายปั๊มในประเทศก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ ปตท.จะลุยปั๊มน้ำมันเพิ่มอีก 170-185 แห่ง จากปัจจุบันมีกว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศ กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 40% ต่างจังหวัด 60% และเพื่อรับกับสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ยังได้นำระบบการชำระเงินออนไลน์ผ่านคิวอาร์โค้ดมาใช้ ระบบอี-วอลเลท การร่วมกับธนาคารกสิกรไทยเปิดตัวบัตรเครดิตบลู เครดิต การ์ด เพื่อเอาใจผู้บริโภคยุครูดปื๊ดๆ ด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าที่ถือบัตร 2.7 ล้านราย มีการเติบโตปีละราว 7 แสนราย
แต่ละปี ปตท.มีกำไรกว่าจากการดำเนินงานกว่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่รายได้มากกว่า 1 ล้านล้านบาท ธุรกิจนอนออยล์ก็ทำรายได้ให้บริษัทสัดส่วนมากถึง 30% และเป้าหมายในอนาคตนอนออลย์จะมาโตเทียบธุรกิจน้ำมันทำรายได้ 50% นั่นเอง.
ที่มา : mgronline.com/business/detail/9610000011347