เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2560 ที่ประชุมคณะกรรมการ “บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN” มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC
จำนวน 194.926 ล้านหุ้น คิดเป็น 22.93% ของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด 850 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 2,141.4 ล้านบาท ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวถือเป็นการซื้อผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ บนกระดานใหญ่ หรือ “Big Lot”
โดยการซื้อหุ้นดังกล่าว ทางซีพีเอ็น แจ้งเจตนารมณ์เพื่อการลงทุนในระยะยาว โดยไม่มีวัตถุประสงค์ในการเข้ามีส่วนร่วมในการบริหารงานของดุสิตธานีแต่อย่างใด
ฟากดุสิตธานี ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน เกี่ยวกับกรณีการซื้อหุ้นบิ๊กล็อต ผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และสอบถามไปยังผู้ถือหุ้นรายใหญ่และได้รับการยืนยันการจำหน่ายหุ้นมีรายชื่อของ “นายเค็นเน็ท กอศิริโสภณ” ซึ่งถือหุ้นผ่าน UOB Kay Hian (Hong Kong) Limited-Client Account และ Citibank Nominees Singapore Pte.Ltd.-PBG Clients H.K. จำนวนกว่า 98 ล้านหุ้น หรือ 11.63% และบริษัท เอ็ม บี เค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด กว่า 96 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.30%
ภายหลังการเข้าถือครองหุ้นของกลุ่มซีพีเอ็น ทำให้โดดขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้น “ใหญ่” อันดับ 2 รองจาก “บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด” ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมดุสิตธานี ยังถือครองหุ้นจำนวนกว่า 422 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 49.74% โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนแต่อย่างใด ขณะที่เอ็ม บี เค โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ไม่มีหุ้นเหลือในดุสิตแล้ว จากก่อนหน้านี้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 3 มี 11.30% การขายหุ้นบิ๊กล็อตดังกล่าวเป็นการเทขายออกทั้งหมด เช่นเดียวกับ UOB Kay Hain ก็ไม่มีหุ้นเหลือเลย จากเดิมถืออยู่ 10.23% เป็นผู้ถือหุ้นลำดับที่ 4 และ Citibank Nominees Singapore ก็ไม่เหลือหุ้น จากเดิมถืออยู่ 1.40% ส่วน “ชาตรี โสภณพนิช” ยังถือหุ้นเท่าเดิม 4.99% รวมถึงผู้หุ้นอื่นๆ ด้วย
หากมองในมิติของการลงทุนของ “ซีพีเอ็น” ที่มอง “ระยะยาว” ทั้งผลตอบแทนด้านการลงทุน เพราะ 3 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของดุสิตธานี มีความแข็งแกร่งไม่น้อย “รายได้” และ “กำไร” โตต่อเนื่องมาตลอด แต่อีกมุมแน่นอนว่านี่คือการเพิ่มโอกาส “ซีนเนอร์ยี” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทพักผ่อน (Hospitality) ได้ เพราะทั้งคู่มีโรงแรมที่ขยายออกไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ทั้ง “ซีพีเอ็น” และ “ดุสิตธานี” จับมือกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน หรือ “มิกซ์ยูส” บริเวณหัวมุมถนนสีลม พระราม 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานีปัจจุบัน มีเนื้อที่รวม 24 ไร่ โดยมูลค่าการลงทุนมีมากถึง 36,700 ล้านบาท.