นับเป็นการเดินเกมรุกธุรกิจอาหารต่อเนื่อง เมื่อบริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP ประกาศว่าได้ ร่วมมือกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ในประเทศจีน ตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ “Kinghill Food” เพื่อทำธุรกิจร้านอาหารครบวงจร และอื่นๆ ในประเทศจีน พร้อมกับขยาย Franchise ทั่วประเทศจีน
ศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP เปิดเผยว่า ที่คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ NPP จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทในเครือ Kinghill Overseas Holdings Limited ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ในประเทศจีน ภายใต้ชื่อ “ Kinghill Food” เพื่อทำธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีน
โดยสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท Kinghill Food จำกัด แบ่งเป็น บริษัทในเครือ Kinghill Overseas Holdings Limited (บริษัทลูกในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในประเทศจีน) จำนวน 51% และ บมจ.เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำนวน 49%
วัตถุประสงค์ความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อนำแบรนด์ร้านอาหาร อาทิ อาหารไทย อาหารทะเล ทั้งในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจำหน่ายในร้านอาหารในประเทศจีน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขยาย Franchise ไปทั่วประเทศจีนอีกด้วย
โดยเบื้องต้นจะเปิดให้บริการสาขาแรกที่ เซี่ยงไฮ้ ภายในไตรมาส 4/2561 และคาดว่าจะเปิดสาขาเพิ่มที่ปักกิ่ง เฉิงตู ฉงชิ่ง เซินเจิ้น ตามลำดับ
หากพิจารณาจากมูลค่าการตลาดและอัตราการเติบโตธุรกิจอาหารในประเทศจีน มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 20-30% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในจีน มีการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทในเครือ Kinghill Overseas Holdings Limited เป็นผู้ประกอบด้านธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ และช้อปปิ้งมอลล์ รายใหญ่สุดของประเทศจีน การร่วมทุนจึงช่วยต่อยอดธุรกิจอาหารในจีน ซึ่งมีประชากรสูงถึง 1,400 ล้านคน โดยเฉพาะ Franchise Model ในประเทศจีนที่บริษัทได้วางเป้าหมายไว้
นอกจากนี้ กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP ได้ขยายการลงทุนไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีน เป็นหนึ่งในประเทศที่กลุ่ม CP ใช้เป็นฐานธุรกิจกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดย CP มีการลงทุนที่หลากหลายทั้งธุรกิจอาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในหัวเมืองต่างๆ ของจีน เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ลั่วหยาง ซีอาน เจิ้งโจว เหอเฟย์ อู๋ซี และยังคงขยายสู่เมืองอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ Super Brand Mall และ Touch Mall กลุ่มพันธ์มิตรที่มีฐานธุรกิจครบวงจรที่เสริมความแข็งให้กับบริษัท
กลุ่มธุรกิจ CP ยังเป็นบริษัทผู้นำด้านธุรกิจอาหารในประเทศจีน และมีบริการด้านโลจิสติกส์ ในการจัดส่งอาหารไปยังร้านอาหารต่างประเทศในประเทศจีนเกือบทั้งหมด และยังมีพันธมิตร อาทิ China Cuisine Association และ China Hospitality Association ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของจีน
“การขยายตลาดในครั้งนี้จะส่งผลบวกกับ NPP ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร้านอาหารชั้นนำของไทยทั้งอาหารไทย อาหารทะเล และอาหารอื่นๆ อีกหลายร้าน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ศุภจักร กล่าว
NPP คาดหมายว่า ผลจากการขยายธุรกิจในครั้งนี้ จะส่งผลให้รายได้ธุรกิจอาหารจะเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีรายได้ 600-700 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยาย Franchise Model ไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ โดยในแต่ละแบรนด์มีแผนที่จะเปิดสาขาไม่น้อยกว่า 50 สาขาต่อแบรนด์
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนใน 4-5 ปีข้างหน้า จะผลักดันบริษัทฯดังกล่าว และบริษัทย่อยในประเทศจีนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง.