ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ วัตสัน ประเทศไทย ร้านสุขภาพและความงาม แต่งตั้ง พสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป (General Manager) ถือเป็นคนไทยคนแรกของวัตสัน หลังจากพสิษฐ์ได้ร่วมงานกับวัตสันมาเป็นระยะเวลากว่า 14 ปี
โดยก่อนหน้านี้ พสิษฐ์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) ซึ่งดูแลในส่วนของการปฏิบัติการของวัตสันทั้งหมด ถือเป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ ในการขับเคลื่อนของวัตสันขยายตัวไปทั่วประเทศ
พสิษฐ์ ถือเป็นผู้บริหารที่คร่ำหวอดอยู่ในบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ อาทิ เซเว่น อีเลฟเว่น, บิ๊กซี และวัตสัน ซึ่งอยู่ภายใต้ เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2384 ร้านค้าปลีกสุขภาพ ความงาม และไลฟ์สไตล์ขนาดใหญ่ มีสาขาทั้งเอเชียและยุโรป กว่า 14,000 ร้าน ใน 24 ประเทศ โดยมีลูกค้าและสมาชิกกว่าสามพันล้านคนที่มาซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกของ เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ซึ่งมี 13 แบรนด์ทั้งในร้านค้าและทางออนไลน์
เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป ยังเป็นบริษัทภายใต้กลุ่ม ซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้ง กลุ่มบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจหลัก 5 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการเดินเรือและบริการ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก กลุ่มธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มธุรกิจด้านพลังงาน และกลุ่มธุรกิจด้านโทรคมนาคมใน 50 ประเทศ
ช่วงต้นปี วัตสัน ประเทศไทย ได้ตั้งเป้าหมายเชื่อมต่อการช้อปปิ้งระหว่างออฟไลน์คือร้านสาขากับออนไลน์เข้าด้วยกัน ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของวัตสันเอง เพื่อตอบโจทย์การค้าปลีกยุคใหม่ ไม่มีการแยกหน้าร้านหรือหน้าแอปออกจากกัน ยังคงให้ความสำคัญต่อการลงทุนทั้งในส่วนของสโตร์ควบคู่ไปกับออนไลน์สโตร์
ในช่องทางออนไลน์ที่เปิดตัวเต็มรูปแบบในปี 2560 สร้างยอดขายผ่านช่องทางดังกล่าว เติบโต 3 เท่าตัวภายใน 12 เดือน
ปีนี้ วัตสันเตรียมเปิดสาขาอีก 50 สาขา จะทำให้มีสาขาครบ 515 สาขาภายในสิ้นปี 2561 หลังจากเปิด 50 สาขาใหม่ในปี 2560 โดยได้เปิดร้าน (Store Format) คอนเซ็ปต์ใหม่ออกมา นำร่องสาขาแรกไปแล้วที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งให้รองรับกับคนรุ่นใหม่ เน้นบรรยากาศที่สนุก การจัดแบ่งหมวดหมู่และจัดเรียงสินค้าที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น วิธีใหม่ๆ ในนำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ การจัดแสงสว่าง การนำอุปกรณ์ดิจิทัลเข้ามาผสมผสาน โดยจะปรับปรุงสาขาเดิม 75 แห่งให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ใหม่ภายในปีนี้
ควบคู่ไปกับการพัฒนาในด้านดิจิทัลแพลตฟอร์มและอีคอมเมิร์ซ โดยจะใช้เงินลงทุนในธุรกิจเพิ่มด้วยงบประมาณรวมทั้งสิ้น 600 ล้านบาท.