หลังจากเรตติ้งหล่นลงมาเป็นอันดับ 4 ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เวิร์คพอยท์ได้พยายามจัดรายการใหม่ๆ ลงผังอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีรายการใดสร้างกระแสเรียกเรตติ้งได้อย่างชัดเจน เวิร์คพอยท์จึงจัดเต็มส่งรายการใหญ่ Thailand’s got talent ที่เคยสร้างความนิยมและเรียกเรตติ้งมาหลายซีซันลง ผังช่องเวิร์คพอยท์ในวันที่ 6 ส.ค. นี้
Thailand’s got talent รายการเรียลลิตี้โชว์ความสามารถ เคยออกอากาศมาแล้ว 6 ซีซัน ทางช่อง 3 ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปี 2559 โดยที่เวิร์คพอยท์เป็นผู้ผลิตรายการให้ แต่เมื่อเวิร์คพอยท์มีช่องทีวีดิจิทัลของตัวเอง รายการนี้จึงเปลี่ยนมือมาอยู่ช่องเวิร์คพอยท์เป็นครั้งแรก
แต่ดูแล้วก็ถือว่าท้าทายสำหรับเวิร์คพอยท์ไม่น้อย โดยเฉพาะช่วงเวลาออกอากาศ ซึ่งเดิมทีช่อง 3 นำมาออกอกาศ ในช่วงเย็นของวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งคนดูเป็นกลุ่มครอบครัว ตรงตามกลุ่มเป้าหมายของรายการที่เจาะกลุ่มครอบครัว
แต่เวิร์คพอยท์นำมาออนแอร์ ในช่วงหลังข่าว 2 ทุ่มของทุกวันจันทร์ ต่อจาก The Rapper ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ ซึ่งถือเป็นช่วงไพรม์ไทม์ของ “ละคร” ยิ่งช่วงนี้ละครวันจันทร์มีทั้งละคร “เมีย 2018” ที่กระแสกำลังมาแรง เรตติ้งพุ่งขึ้นต่อเนื่อง เรตติ้งสูงสุดอยู่ที่ 3.952 ในวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา แซง “เกมเสน่หา” ละครดราม่าเข้มของช่อง 3 ไปแล้ว
สาเหตุหนึ่งที่เวิร์คพอยท์ไม่เลือกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงเย็น หรือหลังข่าว 2 ทุ่ม ที่เป็นกลุ่มครอบครัว เนื่องจากมีรายการตระกูลไมค์ ทั้ง “ไมค์ทองคำ 7 และไมค์ทองคำเด็ก 3” เป็น 2 รายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องเวิร์คพอยท์ในขณะนี้
โดยเรตติ้งรายการไมค์ทองคำ 7 ล่าสุดวันที่ 22 กรกฎาคมอยู่ที่ 4.293 ส่วนไมค์ทองคำเด็ก 3 อยู่ที่ 3.193
การตัดสินใจคิดต่าง ด้วยการลงผังช่วงที่กระแสละครกำลังมาแรง จึงทำให้น่าติดตามว่า เวิร์คพอยท์จะช่วงชิงเรตติ้งกลับมาได้มากแค่ไหน
อีกรายการที่เป็นความหวังของเวิร์คพอยท์ในช่วง 18 สิงหาคม – 2 กันยายนนี้ คือ การได้สิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย มีหลายประเภทกีฬาที่นักกีฬาไทยมีความหวังเหรียญ จากการส่งทัพนักกีฬาชุดใหญ่ถึง 913 คนเข้าร่วมแข่งขัน มีหลายประเภทกีฬาที่อาจจะมีการแข่งขันพร้อมๆ กันของทีมนักกีฬาไทย ทำให้ กสทช.สั่งให้เวิร์คพอยท์ต้องหาพาร์ตเนอร์มาร่วมถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งนี้ ตามประกาศ Must Have ที่กีฬาเอเชี่ยนเกมส์เป็นหนึ่งในประเภทกีฬาที่ต้องออกอากาศทางช่องทางทีวีดิจิทัล โดยเฉพาะแมตช์สำคัญที่นักกีฬาไทยลงแข่นขัน
มีรายงานข่าวว่าเวิร์คพอยท์อยู่ระห่างเจรจากับช่องทีวีดิจิทัลรายเล็ก ภาครัฐ เช่น ช่อง 5, ช่อง NBT และ ThaiPBS ในการถ่ายทอดสด ซึ่งอาจจะมีหลายรูปแบบทั้งซื้อเวลา, alliance หรือเป็นพาร์ตเนอร์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับรายการวาไรตี้ใหม่ๆ ที่เวิร์คพอยท์จัดลงผังก่อนหน้านี้หลายรายการ ตั้งแต่ นักร้องสองไมค์, The Mask Project A, แฟนพันธุ์แท้ และ Victory BNK48 ผลตอบรับในแง่เรตติ้งยังไม่แรงตามคาด
เรตติ้งรายการ เวิร์คพอยท์
รายการแฟนพันธุ์แท้ เปิดตัวด้วย แฟนพันธุ์แท้ “เป๊ก ผลิตโชค” ออกอากาศวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม ได้เรตติ้งเพียงแค่ 0.801 ในตอนล่าสุด แฟนพันธุ์แท้ อโยธยา วันที่ 20 กรกฎาคมได้เรตติ้งเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.105
แม้แต่รายการ Victory BNK48 ที่ดึงเอา BNK48 มาลงจอ แต่พลังโอตะยังไม่สามารถช่วยได้ เรตติ้งรายการล่าสุดวันที่ 24 กรกฎาคมอยู่ที่ 0.539
รายการ นักร้องสองไมค์ และ The Mask Project A ยังมีเรตติ้งทรงตัว รักษาระดับไว้ได้ แต่รายการนักร้องสองไมค์ออกอากาศในช่วงเช้า 10.30 น.ของวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เรตติ้งล่าสุดวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคมอยู่ที่ 1.296 ส่วน The Mask Project A วันที่ 19 กรกฏาคม เรตติ้งอยู่ที่ 2.409
มีรายงานว่า เวิร์คพอยท์ได้ประกาศปรับลดเป้าหมายรายได้ของปีนี้ไปแล้ว จากรายได้เดิมที่เคยได้ตั้งเป้าไว้ประมาณ 3,800 ล้านบาท เหลือประมาณ 3,200-3,300 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2560
โดยในปี 2560 รายได้เฉพาะกิจการทีวีดิจิทัลที่เวิร์คพอยท์แจ้งต่อ กสทช. มีรายได้อยู่ที่ 3,172 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักคือสภาพตลาดโฆษณาไม่โต รวมกับสภาวะเศรษฐกิจ.