แนวรบใหม่ “กสิกรไทย” ต้องใช้ “บิ๊กดาต้า” ขับเคลื่อน ตั้ง 2 หน่วยงาน โฟกัส Data Analytics ตั้งเป้า สร้างรายได้-ลดต้นทุน 50% ในปี 2563

ยิ่งนับวันธนาคารก็ยิ่งต้องปรับตัวให้เท่าทันกับเกมธุรกิจที่เปลี่ยนไป เป็นผลมาจาก “ดิจิทัล” จนธนาคารต้องยกเลิกค่าธรรมเนียมเพื่อผลักดันให้ลูกค้าหันมาใช้ “โมบายแบงกิ้ง”

ล่าสุด กสิกรไทยประกาศขอเป็นธนาคารที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า จัดตั้ง 2 ฝ่ายใหม่ดูแลการสร้างความสามารถด้าน Data Analytics กำหนดแผนสรรหาและพัฒนาบุคลากรด้าน Data Alchemist

พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีบิ๊กดาต้าเป็นข้อมูลเกี่ยวธุรกรรมการเงินประเภทต่างๆ จำนวนมหาศาล และเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาศึกษาเพื่อเพิ่มความเข้าใจลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์นำไปสู่การพยากรณ์และนำเสนอวิธีการใหม่ๆ ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ เพิ่มความสามารถการแข่งขัน แสวงหาโอกาสทางธุรกิจ สร้างรายได้ให้แก่ธนาคารในระยะยาว ที่สำคัญสามารถลดต้นทุนการทำธุรกิจได้

ธนาคารจึงจัดตั้ง 2 ฝ่ายงานใหม่ อยู่ภายใต้สายงานบริหารยุทธศาสตร์องค์การ เพื่อมาโฟกัสเรื่องของ Data Analytics ให้กับองค์กรโดยเฉพาะ

Enterprise Data Analytics Department (EA) ดูแลเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Analytics Use Case) ของธนาคาร สรรหาและจัดสรรทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูล ติดตามและขยายผลให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ (Business Data Analytics) ให้แพร่หลาย จนเป็นวัฒนธรรมองค์กร

รวมทั้งให้คำปรึกษาด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทั้งกับหน่วยงานของธนาคารและลูกค้าของธนาคาร เพื่อสนับสนุนการวางกลยุทธ์ของธนาคารที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

Digital Lending Department (DL) รับผิดชอบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากฐานข้อมูล นำมาใช้สร้างผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ให้ตรงความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เหมาะสมกับระดับความสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย (Personalized Risk Based Pricing) เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้ธนาคาร ลดความเสี่ยงด้านเครดิต

ดูแลเรื่องการสร้างรูปแบบการปล่อยสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล (Digital Lending Platform) ให้เกิดการดำเนินการเบ็ดเสร็จบนแอปพลิเคชัน K PLUS ซึ่งลูกค้ารู้ผลอนุมัติและได้รับเงินเข้าบัญชีภายใน 1 นาที รวมทั้งพัฒนาบริการ Lending Service Platform เพื่อแสวงหารายได้จากช่องทางใหม่ๆ ให้แก่ธนาคาร

นอกเหนือจากนั้น ธนาคารมีแผนสรรหาและพัฒนาบุคลากรด้าน Data Analytics ให้มีการยกระดับงานด้านนี้ให้มีความพิเศษ น่าสนใจ และแตกต่างจากองค์กรอื่นๆ โดยเพิ่มตำแหน่งงาน Data Alchemist ที่เน้นการผสมสานการใช้บิ๊กดาต้า เข้ากับเทคนิค Advanced Analytics ในการหาสูตรเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยทำงานร่วมกับหน่วยธุรกิจแบบไร้รอยต่อ ภายใต้ Concept: Turning Data into Gold; the Ultimate of Advanced Analytics

โดยมองว่าโอกาสและความท้าทายทางธุรกิจที่ธนาคารเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ให้บุคลากรด้าน Data Analytics ของประเทศได้เข้ามาเรียนรู้ พัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถของตัวเองแบบก้าวกระโดด

ธนาคารจะมีการปรับแผนการพัฒนาศักยภาพ ตลอดจนดูแลการจัดการเรื่องการเติบโตทางอาชีพ ให้มีความเข้มข้น ชัดเจน และเหมาะสมกับความสามารถของพนักงานกลุ่มนี้

วางเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นธนาคารที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Bank) ซึ่งการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของการใช้ข้อมูลเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ (Data-Driven Culture) โดยวางรากฐานสำคัญ 4 ด้านให้เกิดขึ้นในธนาคาร ได้แก่

1. Data สร้างฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์เพื่อให้เกิดข้อมูลหนึ่งเดียว (Single source of truth) ส่งเสริมให้เข้าถึงข้อมูลแบบข้ามฝ่ายงาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆ แต่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าไว้สูงสุด

2. ด้าน Infrastructure & Tools เตรียมซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลรูปแบบต่างๆ ที่พร้อมตอบสนองการใช้งานของธุรกิจธนาคารในทุกระดับ

3. ด้าน Talent มีการจัดหลักสูตรพัฒนาทักษะพนักงานเป้าหมายทั้งธนาคารให้สามารถใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงได้ เพื่อนำไปสู่การสร้างประโยชน์แพร่กระจายในแต่ละหน่วยงานทั่วทั้งองค์กร พร้อมจัดตั้ง community ของบุคลากรด้านดาต้าเพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน

4. ด้าน Process สร้างกระบวนการทำงานที่กระตุ้นให้เกิดการนำดาต้ามาใช้งานจริง (Use Cases) ส่งสริมให้ฝ่ายงานต่างๆ มีการตั้งคำถามที่มีความหมาย และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบที่ช่วยตอบสนองโจทย์ทางธุรกิจ ทั้งในด้านการแก้ปัญหาและการสร้างธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ

พิพิธ มองว่า ภายใต้กลยุทธ์ที่วางไว้ ธนาคารจะก้าวไปสู่ Data-Driven Bank ได้อย่างสมบูรณ์และจะสร้างบริการอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าหมายภายในปี2561 ธนาคารจะสามารถนำฐานข้อมูลบิ๊กดาต้ามาพัฒนาเป็นการใช้งานจริง (Use Cases) ได้ไม่ต่ำกว่า 400 กรณี สร้างรายได้หรือลดต้นทุนให้ธนาคารเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท

ภายในปี 2563 จะใช้บิ๊กดาต้าสร้างรายได้หรือลดต้นทุนให้แก่ธนาคาร เป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 50% ของทั้งหมด.