แม้จะมีเวทีการประกวดเฟ้นหาดารา นักร้อง เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งอคาเดมี แฟนเทเชีย หรือเอเอฟ ของทรู และเดอะสตาร์ ของแกรมมี่ แต่ “ดัชชี่บอย แอนด์เกิร์ล” ยังคงความเป็นเวทีประกวดเฟ้นหาวัยรุ่นระดับตำนานที่ยืนหยัดมาแล้วถึง 13 ปี ผลิตดาราวัยรุ่นเข้าสู่วงการบันเทิงมาแล้วไม่น้อยกว่า 150 ชีวิต ทั้งๆ ที่เป็นเวทีประกวดที่ไม่มีเคยมีสื่อ หรือรายการบันเทิงเป็นของตัวเอง
เอ่ยชื่อดาราละครและพิธีกรชื่อดังคุ้นหน้าคุ้นตาในทีวี อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์, เขตต์ ฐานทัพ, อ้น สราวุฒิ มาตรทอง, เป้ย ปานวาด, ออฟ ชนะพล สัตยา, เตชินทร์ ชยุติ, เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ ล้วนแล้วแต่แจ้งเกิดมาจากจากเวที “ดัชชี่บอยแอนด์เกิล” มาแล้วทั้งนั้น
ดาราดังเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งที่เคยผ่านเวทีประกวดระดับตำนาน ยังมีอีกมากมายที่ผ่านเวทีดัชชี่ บอย แอนด์ เกิลมาแล้ว ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตดาราละครมาต่อเนื่องยาวนานถึง 13 ปี และที่สำคัญทำให้แบรนด์ ดัชมิลค์ เป็นที่จดจำ ในตลาด
ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกปี 2539 ด้วยการ “แต่งตั้ง” จากวัตถุประสงค์ที่ต้องการโปรโมตผลิตภัณฑ์ “ดัชชี่” ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นผ่านพรีเซ็นเตอร์ เพราะในขณะนั้นโยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คนทั่วไปยังไม่คุ้นเคย จากนั้นเข้าสู่การใช้ Idol Marketing เข้าช่วยในรูปแบบของการประกวดแข่งขันในปีต่อมา และทำให้แจ้งเกิดดัชชี่ได้นับแต่นั้นจนถึงปัจจุบันคือ ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล รุ่นที่ 14 ซึ่งประกวดรอบชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม
จุดยืนที่เด่นชัดของการประกวดดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล คือ การเฟ้นหา “นักแสดง” โดยคัดเลือกจาก “หน้าตา” บวกกับ “การแสดง” ความสามารถบนเวที
สกล เครือจรัสกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท วิน ไนน์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และจีรวรรณ์ สุคนธปฏิภาค ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไว้ลาย โซไซตี้ จำกัด บริษัทในวอเตอร์ลีฟ กรุ๊ป ซึ่งดูแลการประกวดดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล ให้รายละเอียดกับ POSITIONING ว่า ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา มีวัยรุ่นแห่มาสมัครในเวทีนี้ 8,000-25,000 คน แต่รับเข้ารอบสุดท้ายได้แค่ 14 คน และถึงแม้จะไม่ใช่ช่วงของการรับสมัครประจำปี แต่ก็มีจดหมายนับพันฉบับส่งมาถึงบริษัทฯ ตลอดทั้งปี เป็นการสะท้อนได้ว่าเวทีประกวดนี้เป็นเสมือนช่องทางแจ้งเกิดของ “วัยรุ่น” ผู้มีฝันทั่วประเทศ
“คนอยากเข้าวงการกันทุกวัน คนสมัครกันเยอะมาก แต่หาคนที่ใช่ยากขึ้นทุกวัน ไม่ใช่แข่งเฉพาะกับที่ทำ Contest Marketing เท่านั้น แต่รวมถึงโมเดลลิ่งที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าวัยรุ่นที่ถูกคัดเลือกจากเวที “ดัชชี่” เกือบ 150 คนจะยืนหยัดอยู่แถวหน้าของวงการได้ทุกคน แต่อย่างน้อยนามสกุลที่พ่วงท้ายดังกล่าวก็เป็นเครื่องการันตี เป็นใบเบิกทางให้พวกเขาและเธอทำมาหากินในวงการบันเทิงต่อไปได้
ก่อนหน้านั้นเวทีประกวดที่อยู่ในระดับเดียวกันก็เริ่มล้มหายตายจาก ทั้งหนุ่มสาวแฮ็คส์ และยังคงเหลือเวทีประกวดที่ใกล้เคียงกันอย่างมิสทินไทยแลนด์ แต่ก็ยังไม่แรงเท่าดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล ขณะที่เวทีอื่นก็เป็นเวทีประกวด “เฉพาะกิจ” สร้างสีสันแบบชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
ทั้งสองวิเคราะห์ปัญหาที่ทำให้การประกวดหลายเวทีต้องล้มหายตายจากไปหรือไม่ประสบผลสำเร็จว่า “ไม่มีความต่อเนื่อง คิดแค่ว่าจะประกวด แล้วก็ประกาศรับสมัคร พอจบแล้วตันหาทางออกไม่เจอ เพราะไม่ได้วางแผนมาระยะยาว ไม่ได้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง หรือพูดง่ายๆ คือไม่ได้คิดแบบเอาการตลาดเป็นแกนหลัก”
ใช่ว่าหนทางจะราบรื่น เมื่อคู่แข่งจากเวทีประกวดต่างๆ มีมากขึ้น ล้วนแต่เป็นแบรนด์ใหญ่ที่แข็งแกร่ง ดัชชี่ บอย เกิร์ล จำเป็นต้องหาทางออกเพื่ออยู่รอด ด้วยการเพิ่มการประกวด “นักร้อง” และ “พิธีกร” เข้ามาเสริม แต่หลังจากนั้น 2 ปี ก็ต้องตัดการประกวดพิธีกรออกไป เพื่อคงภาพลักษณ์ของเวทีประกวดเพื่อเฟ้นหาดาวดวงใหม่ของวงการบันเทิงและแน่นอนหนึ่งในนั้นจะถูกหยิบยกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของผลิตภัณฑ์ดัชชี่ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป โดยล่าสุดคือ เตชินท์ ชยุติ
“แต่ก่อนเราก็ประกวดของเราชิลๆ มาเรื่อยๆ แต่ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา AF และ The Star เริ่มประกวดเป็นครั้งแรกไล่เลี่ยกัน และเป็นกระแสมาแรงมาก เราเลยต้องสอดแทรกกิมมิกของเรียลลิตี้ โชว์เข้ามาด้วย ใช้ SMS เข้ามากระตุ้นให้รายการมีสีสันมากขึ้น จากนั้นแบ่งประเภทเป็นนักแสดง นักร้อง เพื่อให้เกิด “ตัวเลือก” ที่หลากหลาย และเพิ่มช่องทางในการปั้นสู่ตลาดมากขึ้น”
สำหรับในแง่ของผลิตภัณฑ์ดัชชี่เอง ที่เป็นผู้สนับสนุนรายการนี้มาตลอดระยะเวลา 13 ปีนั้น ย่อมได้รับผลดีโดยตรงในแง่ของยอดขายและ Brand Awareness ที่ถ่ายทอดอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น
“ที่แน่ๆ ยอดขายของดัชชี่ เขาต้องโตขึ้นทุกปี ถ้าไม่ได้ผลทางการตลาดไม่ประกวดต่อเนื่องยาวนานขนาดนี้ แม้จะไม่เป็นที่เปิดเผยว่าเท่าไหร่ก็ตาม”
ปัจจุบันดัชชี่แบบถ้วยมีส่วนแบ่งการตลาดนำโด่งเกือบ 80% นอกเหนือจากการสื่อสารการตลาดอย่างต่อเนื่องแล้ว เวทีประกวดนี้เป็น Marketing Tool ที่สำคัญ
เพราะหากดูผลิตผลของดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ลแล้ว ล้วนแต่แจ้งเกิดเป็นดาราดังป้อนให้กับวงการบันเทิงได้ต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ล่าสุด คือ ออฟ ชนะพล สัตยา, เตชินทร์ ชยุติ, เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ คือ 3 ดาวรุ่งของวงการบันเทิงไทยในขณะนี้ ขณะที่อู๋ นวพล ภูวดล,น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล, ไผ่ พาทิศ พิสิษฐ์กุล, ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม, ต๊ะ วริษฐ์ ทิพย์โกมุท, นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, อิม อชิตะ สิกขมานา และเป้ย ปานวาด เหมณี ยืนหยัดเป็นดาราที่มีผลงานสม่ำเสมอ ส่วนอั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์, เขตต์ ฐานทัพ และอ้น สราวุฒิ มาตรทอง คือพระเอก นางเอกที่ถือเป็นดัชชี่รุ่นบุกเบิก
“Key Success ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมาของการประกวดนี้ คือการมี Road Map ที่ชัดเจน ในการปั้นเด็ก มีแผนงานระยะยาว แม้จะไม่มีค่ายบันเทิงที่สร้างผลงานเป็นของตัวเอง แต่มีเส้นทางให้เด็กไปต่อยอดทั้งงานละคร ภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ และโฆษณา หรือออกอัลบั้มเพลง เน้นการดูแลเด็กแบบต่อเนื่อง มีผลงานต่อเนื่องผ่านพันธมิตรที่หลากหลาย อาทิ ช่อง 7 ช่อง 3 จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เวิร์คพอยท์ และจีทีเอช เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งในกลุ่มแมส”
โดยเฉพาะ “ช่อง 7” ที่เป็นพันธมิตรถ่ายทอดและรายงานความเคลื่อนไหวผ่านสกู๊ปพิเศษเป็นประจำทุกปี ผู้ชนะและดาวเด่นของเวทีนี้จึงมักถูกช่อง 7 ช้อปก่อนใครเพื่อน และส่วนใหญ่แล้วจะถูกวางตัวเป็นพระเอก นางเอก หน้าใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น ขณะที่ช่อง 3 ก็เก็บเกี่ยวพระเอกและนางเอกบางส่วนของดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล ไว้ได้เช่นเดียวกัน
ความต่อเนื่องของการจัดประกวด และชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่น ตัวเลือกที่มีมาก ทำให้ดัชชีบอยแอนด์เกิร์ลเป็นแหล่งป้อนดาราหน้าใหม่ให้กับช่องฟรีทีวีอันดับ 1 และ 2 ของไทย เชื่อมั่นใน “ฝีมือ” การคัดสรรปั้นดาวของกองประกวดนี้ จึงเรียกใช้งานอย่างต่อเนื่องทั้งในละครเย็นและละครหลังข่าวภาคค่ำซึ่งเป็น Prime Time
การ “ส่งเด็ก” แบบถูกที่ถูกเวลา คืออีกหนึ่งความเชี่ยวชาญที่ทางบริษัทฯ ได้ใช้ในการผลักดันให้บรรดาดัชชี่ฯ มีผลงานอย่างต่อเนื่อง และนั่นทำให้เวทีแห่งนี้กลายเป็นเวทีที่ผลิตพระเอก นางเอก ป้อนให้กับวงการบันเทิงได้มากที่สุด
“เรารู้อินไซท์ของวงการ เพราะในกลุ่มบริษัทเราทำงานเกี่ยวข้องกับวงการโฆษณาและบันเทิง เช่น เรารู้ว่าจะมีละครช่องไหนออกอากาศในอีก 3-4 เดือน เขาต้องการคาแร็กเตอร์แบบไหน เราก็ส่งเด็กเข้าไปคัดตัว”
สกลเล่าว่า ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล เป็นเวทีประกวดแรกๆ ที่จัดประกวดหาตัวแทนจาก 4 ภาค ก่อนจะมาประกวดรอบสุดท้ายที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสเกลที่ใหญ่ และกลายเป็นต้นแบบให้กับอีกหลายๆ เวทีรุ่นหลังให้ทำตาม
ด้านจีรวรรณ์เล่าว่า การปั้นผู้ชนะจากการประกวดถูกวางไว้เหมือนกับการปั้นผลิตภัณฑ์ให้ติดตลาด และอยู่ได้ระยะยาวการเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการเริ่มตั้งแต่การวาง Positioning เช่น อั้ม อธิชาติ แต่ก่อนผอมๆ แต่เราเล็งว่าอั้มมีหน่วยก้านที่จะเป็นพระเอกดี ต้องเป็นพระเอกหุ่นดี ก็ต้องไปฟิตกล้าม เฟิร์มหุ่น เมื่อสรีระพร้อมก็ต้องไม่ขาดตกบกพร่องในเรื่องของฝีมือการแสดง มีการเทรนทักษะการแสดงให้อย่างเข้มข้น คอยดูแลภาพลักษณ์ การแต่งตัว การพูดจา จนปัจจุบันบทบาทของเขาก็จะออกมาในแนวของผู้ชายสุขภาพดี รูปร่างดี
“เวทีอื่นประกวดเสร็จคือจบ ของเราคือประกวดเสร็จคือจุดเริ่มต้น เพราะเราคือ Artist Management ดูทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องงาน การพัฒนาทักษะ”
แม้จะมีการประกาศออกมาแล้วว่าผู้สนับสนุนหลักของการประกวดดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล 2009 ได้เปลี่ยนจากดัชชี่เป็นศูนย์การค้าแพลทินัม มอลล์ ย่านประตูน้ำ ก่อนจะพลิกกลับและชื่อของแพลทินัม มอลล์ก็ได้หล่นหายไปจากสารบบ
“มีคนสนใจอยากเป็น Naming Sponsor กันมาก และทางแพลทินัม มอลล์ เขาจับกลุ่มวัยรุ่นรักแฟชั่นอยู่พอดี แต่พอเจรจาแล้วสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม” นั่นคือเหตุผลสั้นๆ ที่ทางสกลและจีรวรรณ์บอกกับ POSITIONING
ดูเหมือนว่าแบรนด์ใด ค่ายไหนที่อยากจับกลุ่มวัยรุ่น ก็ต้องหวังพึ่งพิงเวทีประกวดนี้ เพราะอย่างน้อยๆ ตำนานที่กำลังจะย่างเข้าสู่ปีที่ 14 ก็มี Success Story การันตีมากมาย และเป็นตำนาน เป็นกรณีศึกษาด้านการใช้ Contest Marketing ที่มีกลยุทธ์ ประกวด-ปั้น-ดัน ให้ “เกิด เกิด เกิด เกิด” อย่างน่าสนใจ
ฒิฬดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล ดังได้ ดังนานเพราะ… ?ฒ/ิฬ
1. ได้แบ็กดี มีขาใหญ่ : ช่อง 7 ให้เวลาทั้งถ่ายทอด และรายงานความเคลื่อนไหว ช่องที่ว่ากันว่าเข้าถึงกลุ่มแมสที่สุด ย่อมทำให้การประกวดนี้เข้าถึงคนทั้งประเทศได้อย่างทะลุทะลวง และที่สำคัญยังพร้อมอ้าแขนรับผู้ชนะการประกวดเข้าสู่การเป็นดาราในสังกัดอีกด้วย
2. พันธมิตรหลากหลายล้วนเข้มแข็ง ไม่เฉพาะช่อง 7 ที่ช่วยดัน หากแต่ยังได้รับการเกื้อหนุนจากช่อง 3 จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และอีกมากมายในการผ่องถ่ายและให้ช่องทาง “เกิด”
3. ปั้นคนให้เหมือนปั้นแบรนด์ รู้จักวาง Positioning และดูแลอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
4. เวทีนี้ไม่มีเส้น กฎเหล็กของดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล คือ ห้ามมีเด็กเส้น ด้วยการใช้คณะกรรมการจำนวนมากจากหลากหลายองค์กร ดังนั้นเราจึงมักเห็นดินที่ถูกปั้นเป็นดาวอยู่เสมอ
ดาวเด่น ใน 13 ปีของดัชชี่ฯ
2539 เขตต์ ฐานทัพ, อ้น สราวุฒิ, แม๊กกี้ ภาราดร, โม้นา ราโมน่า
2540 อั้ม อธิชาติ, โอ๊ต นิติ, เต้ นันทศัย, เจี๊ยบ ชมพูนุช
2541 ตั้ม รณสดมภ์, อ้น รติพงษ์, ขิง ทัศนพรรณ, ลม วาโย
2542 โต้ง อภิชาติ, อันโทน ชู้ดสเลอร์, อ๋อง พัฒนะ, กระแต ศุภักษร, โอ๋ เพชรลดา, แมน การิน
2543 อู๋ นวพล, ย้ง ธนากร, ก๊อต มณฑล, ยุ้ย จีระนันท์, ลูกตาล อริษา, เก๋ รุ่งนภา
2544 น้ำ รพีภัทร, ไผ่ พาทิศ, ใหม่ พิศาล, บลู เอลิกา, อิม อชิตะ, เป้ย ปานวาด
2545 บิ๊ก ภุชิสสะ, หลุยส์ พงษ์พันธ์, ใหม่ สุคนธวา
2546 ต๊ะ วริษฐ์, แอม ปฏิญญา, ป๊อบ ฐาวรา
2547 ไม้ บวรพจน์, โก้ มล.รังษิธร, นุ่น ศิรพันธ์, เบ๊นซ์ ปุญญาพร, พลอย ชิดจันทร์
2548 กอล์ฟ ธนากร, แมน อิทธิศักดิ์, มิก เกรียงศักดิ์, มด กนกวรรณ
2549 อ๊อฟ ชนะพล, เจมส์ กิจเกษม, เม้าส์ ณัฐชา, โบว์ โชติมา
2550 เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์, เต เตชินทร์, เพ่ยเพ่ย รัมภา
2551 แบงค์ ธนศักดิ์, ส้มโอ ธราภา
ดาวเด่นระดับพระเอก-นางเอกของเวทีประกวดดาวอื่นๆ
หนุ่ม-สาวแฮ็คส์ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ
มิสทินไทยแลนด์ เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์, เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า
เดอะ สตาร์ บี้ สุกฤษณ์ วิเศษแก้ว, รุจ ศุภรุจ เตชะตานนท์, สิงโต สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี
อคาเดมี แฟนเทเชีย บอย พิษณุ นิ่มสกุล, ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์
อาณาจักร “ดัชชี่”
วินัย เยี่ยมประเสิรฐ ปั้นเวทีดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล ตั้งแต่เมื่อครั้งร่วมงานกับบริษัท ดัชมิลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและส่งเสริมการขาย ปัจจุบันเขาเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท บลูริบบอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ในวอเตอร์ ลีฟ กรุ๊ป ประกอบด้วยบริษัทต่างๆ ที่ทำงานประสานกันในการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ทั้งโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อีเวนต์ และบีโลว์ เดอะ ไลน์ ตลอดจนการดูแลจัดการศิลปิน คือ บลูริบบอน แอดเวอร์ไทซิ่ง, ไว้ลาย โซไซตี้, วิน ไนน์ คอมมูนิวเคชั่น, กูรูกูดู, คูลฮันเตอร์ และฮาร์ท แอด มาร์เก็ตติ้ง และรับผิดชอบการประกวดดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล เช่นเดิม
ส่วน The Idol คือ ผลงานต่อยอดในวงการบันเทิงของอั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ ดัชชี่บอยรุ่นบุกเบิกที่ยังโดดเด่นในวงการบันเทิง กับบทบาทของกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไว้ลาย โซไซตี้ จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้ทำหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ให้กับการประกวดดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล มาโดยตลอด
โดย The Idol เป็นรายการบันเทิงกึ่งเรียลลิตี้โชว์ที่เสาะหาพระเอกนางเอกรุ่นใหม่ของช่อง 3 ที่สามารถเป็นแบบอย่างให้กับคนทั่วไปได้ โดยมี 5 พระเอกนางเอกรุ่นปัจจุบันของช่อง 3 จำนวน 5 คน คือ อั้ม อธิชาติ, อ้น สราวุฒิ, นุ่น ศิรพันธ์, แอน ทอง ประสม และ ต่าย ณัฐพล ซึ่ง 3 คนแรกคือศิษย์เก่าเวทีดัชชี่ฯ เป็นทีมนำทำกิจกรรมเพื่อสังคม