หลังจากสาวก “แอปเปิล” รอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุด “Apple Store” ก็เตรียมเผยโฉม แต่งานนี้ไม่ได้มาเพียง 1 หากแต่จะเปิด 2 สาขาในเวลาห่างกันมากนัก
สาขาแรก จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ICON SIAM ศูนย์การค้าย่านเจริญนคร เกิดจากความร่วมมือระหว่าง สยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (ของตระกูลเจียรวนนท์)
ค่ายทรูเองจัดเป็นพันธมิตรทำงานใกล้ชิดกับ “แอปเปิล” มาตลอด ประกอบกับขนาดตลาดของไทยก็ไม่ธรรมดาใหญ่พอๆ กับประเทศสิงคโปร์
แหล่งข่าวระดับสูงในวงการโทรคมนาคม ระบุว่า การที่แอปเปิลตัดสินใจถึง 2 สาขา คือ ไอคอนสยาม สาขาแรก และเซ็นทรัลเวิลด์ สาขาถัดไป เนื่องมาจากขนาดความใหญ่ของตลาดไทยเวลานี้สามารถทำยอดขายได้พอๆ กับสิงคโปร์
แอปเปิลสโตร์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ การมาเปิดในไทยแอปเปิลเองก็อยากเห็นภาพคนมาต่อแถวซื้อสินค้าที่สาขาของเขา
นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองที่มีชื่อเสียง ถูกจัดให้เป็นเดสทิเนชั่นในระดับโลก ส่วนทรูเองเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีของแอปเปิลมาตลอด
“แต่น่าเสียดายที่ไทยต้องเปิดช้ากว่าสิงคโปร์ 1 เดือน ทั้งๆ ที่ควรจะเปิดพร้อมๆ กัน เพราะปัญหาเรื่องที่หน่วยงานรัฐเปิดเผยข้อมูลไอโฟน 6 จนทำให้แอปเปิลลดชั้นไทย กำลังขยับมาอยู่เทียร์ 1 ต้องมาอยู่เทียร์ 2 เหมือนเดิม”
สาขาที่ไอคอนสยาม จะเน้นดีไซน์ทันสมัย ด้วยกระจกใสบานใหญ่สูง 2 ชั้น คล้ายกับสาขาที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเปิดตัวก่อนหน้าไทย 1 เดือน ซึ่งทุกสาขาของแอปเปิล สโตร์ จะใช้เงินลงทุนเกิน 100 ล้านบาทขึ้นไป
โดยแอปเปิลสโตร์ สาขาแรกในไทย จะเปิดตัวในวันที่ 9 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ พร้อมๆกับการเปิดตัวของไอคอนสยาม
การเปิดของแอปเปิลสโตร์ครั้งนี้ ถูกคาดหมายว่า น่าจะทำให้ประเทศไทยขยับจาก “เทียร์ 2” ขึ้นมาอยู่ “เทียร์ 1”
สำหรับสาขา Central World ดีไซน์ด้านบนที่คนทั่วไปมองเห็นจะเป็นทรงกระบอก ส่วนตัวร้านจะอยู่ข้างล่าง ต้องเดินลงบันไดมา เหมือนกับสาขาที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน คาดว่าจะเปิดประมาณต้นปี 2019
โดย Central World นั้น CPN หรือบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ถึงกับยอมยกพื้นที่ลานหน้าห้างประมาณ 3 ใน 10 ของลานที่มีความยาวราว 20 เมตรให้กับแอปเปิล
ที่ว่าใจกว้างนั้นมาจากทำเลที่ตั้งของตัวร้านที่เข้ามาแทนที่ป้ายของ Central World และลานน้ำพุ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่นี้ไม่ได้เกิดความคาดหมายมากนัก เพราะอย่างที่รู้กันเวลาแอปเปิลจะไปเปิด “Apple Store” ที่ไหนก็ต้องเลือกลำเลที่เด่นที่สุดมาเป็นของตัวเอง
อย่างทำเลที่ Central World ถือว่าถือเป็นทำเลที่ไม่ด้อยไปกว่าลานพาร์คพารากอน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่หลายคนคาดคะเน แต่ “Apple Store” เลือกเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะอยู่หัวมุมแยกราชประสงค์ ตรงข้ามกับพระพรหมเอราวัณ
งานนี้ CPN เอาใจแอปเปิลกันสุด ช่วยปกปิดความลับเท่าที่จะทำได้ (ถึงในระยะหลังความลับของแอปปิลจะเก็บไม่ค่อยอยู่ ดังข่าวหลุด iPhone ก่อนเปิดตัวที่บางครั้งเหมือนไปทุกส่วน) เพราะนอกเหนือพื้นที่ก่อสร้างที่มีกำแพงสูง 5 เมตรขว้างกันสายตาของคนทั่วไป ที่หากเดินมาจากสกายวอล์กจาก BTS ชิดลมก็มองไม่เห็น ยกเว้นมองจากตึงสูงที่อยู่ใกล้ๆ เช่นอาคารเกษรทาวเวอร์หรือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพแล้ว หรือมองจากใน BTS วิ่งผ่าน
ส่วนคนที่เดินอยู่ชั้นบนของห้าง CPN ถึงกับต้องนำสติกเกอร์สีขุ่นมาติดกระจกใสตั้งแต่ทางเข้าบันไดเลื่อนยาวเข้าไปถึงตัวห้างเพื่อไม่ให้มองเห็นได้
การที่ CPN เต็มอกเต็มใจขนาดนี้ เพราะประเมินแล้วว่าการมี “Apple Store” มาตั้งอยู่หน้าห้าง ถือเป็น “แม่เหล็ก” สำคัญ ที่เชื่อว่าจะดึงดูดให้คนเช็กอินและอัพรูปมาก จนแซงแชมป์อย่างสยามพารากอนก็ได้ ใครจะไปรู้
การมาของ “Apple Store” เพิ่มความหวังของเหล่าสาวกที่ต้องการให้เมืองไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกที่เปิดให้วางขายสินค้าใหม่ โดยเฉพาะ “iPhone” ซึ่งที่ผ่านมามักจะถูกเลือกให้เป็นกลุ่มประเทศที่ 2 ต้องรอหลังกลุ่มประเทศแรกแรมเดือนเลยทีเดียว
แต่ก่อนจะไปแอปเปิลสโตร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2018 กสทช. อนุมัติให้จำหน่าย iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR ในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่า iPhone XS, iPhone XS Max เปิดให้จอง 19 ตุลาคม และวางขายจริง 26 ตุลาคม ส่วน iPhone XR คาดวางขายไม่เกินกลางเดือนพฤศจิกายน
ขณะนี้โอเปอร์เรเตอร์ค่ายหลัก 3 ค่ายเตรียมพร้อมหมดแล้ว เพราะมีการนำข้อมูลของ iPhone ขึ้นเว็บไซต์ของตัวเอง เหลือแค่คอนเฟิร์มวันวางขายจากทางแอปเปิลเท่านั้นเอง
ปัจจุบัน Apple Store ทั่วโลกมี 501 ร้านใน 24 ประเทศ.