เมื่อ 2 ปีก่อน “เจ็ทส์ ฟิตเนส” อินเตอร์แบรนด์สัญชาติออสเตรเลีย ได้เป็นน้องใหม่ของ “ตลาดฟิตเนส” ที่เข้าสู่เมืองไทย โดยมีนักธุรกิจไทย 2 พี่น้องซื้อสิทธิ์เข้ามา โดยเปิด 2 สาขาแรกที่ เดอะซีน (ทาวน์อินทาวน์) กับนวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว (เกษตร–นวมินทร์)
แต่จากเทรนด์สุขภาพทำให้คนไทยหันมาออกกำลังกายในฟิตเนสมากขึ้น ที่สำคัญอัตราการเป็นสมาชิกฟิตเนสของคนกรุงเทพฯ ยังอยู่ราว 5% ต่างจากเมืองใหญ่ของโลกที่มักจะอยู่ที่ 10-15%
ทำให้ “เจ็ทส์ ฟิตเนส” ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ ก่อนที่จะเปิดสาขาแรกที่บริการดูแลเองที่ สวนเพลิน มาร์เก็ต (พระราม 4) เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อนและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม ปี 2018 ด้วยคลับที่เปิดใหม่อีก 4 สาขาทำให้วันนั้นมีทั้งหมด 7 สาขา
ผ่านมาเกือบ 9 เดือน วันนี้ เจ็ทส์ ฟิตเนส มีสาขาที่อยู่ในเมืองไทยครบ 10 สาขาแล้ว มีสมาชิกทั้งหมด 10,000 คน พร้อมกันครองส่วนแบ่งในตลาดฟิตเนส 24 ชั่วโมง 50% จากภาพรวมที่มีจำนวน 20,000 คน
ไมค์ แลมบ์ ประธานเจ้าหน้าบริหาร เจ็ทส์ ฟิตเนส 24 ชั่วโมง ภูมิภาคเอเชีย บอกว่า ภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดของอุตสาหกรรมฟิตเนสในไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคที่รักการออกกำลังกายมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น และเป็นผลดีของ เจ็ทส์ ฟิตเนส เช่นเดียวกัน
เขาขยายความว่าฟิตเนส 24 ชั่วโมงในไทยยังสามารถเติบโตได้อยู่ เนื่องจากข้อมูลที่เก็บได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ถึงช่วง 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มจะเป็นช่วงเวลาหลักที่คนมักมาเล่นกัน คิดเป็นสัดส่วนทั้งหมด 40-50% ของผู้เล่นในแค่ละวันก็ตาม
“หลายคนอาจคิดว่าช่วงดึกจะไม่มีใครเล่น แต่ความเป็นจริงช่วง 4 ทุ่มถึงตี 1 มีผู้เล่นประมาณ 10% ของจำนวนผู้เล่นต่อวัน หลังจากนั้นก็จะน้อยลง แต่คนที่มาเล่นมักจะเป็นลูกค้าประจำทั้งนั้น และจะเริ่มคึกคักอีกครั้งประมาณตี 5 ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า เจ็ทส์ ฟิตเนส มีฐานลูกค้าไม่ได้เพียงคนทำงานประจำเท่านั้น แต่ยังคนทำงานเป็นกะด้วย”
ไมค์บอกว่าสิ่งที่ทำให้ลูกค้าเลือก “เจ็ทส์ ฟิตเนส” คือราคาต่อเดือนที่อยู่ราว 1,500 บาท ซึ่งถูกกว่าแบรนด์อื่นๆ 25-30% อีกทั้งยังไม่มีสัญญาผูกมัด และด้วยความที่มีราคาไม่แพง แต่ต้องเปิด 24 ชั่วโมง การจะทำให้อยู่ได้จึงต้องใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน
รายได้ของเจ็ทส์ฟิตเนสมาจากค่าสมาชิก 50% และอีก 50% มาจากค่าเทรนด์เนอร์ โดยแต่ละสาขาจะมีพนักงาน 10-20 คน แบ่งเป็นผู้จัดการสาขา 1 คน ประจำเคาน์เตอร์ 1 คนและที่เหลือเป็นเทรนด์เนอร์
“เจ็ทส์ ฟิตเนสต้องการมีส่วนแบ่ง 50% ในตลาดฟิตเนส 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีรายได้และกำไรที่ทำให่ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้”
การเพิ่มจำนวนสาขาเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เจ็ทส์ฟิตเนสรักษาส่วนแบ่งตลาดต่อไปได้โดยมีแผนจะเปิดอีก 2 สาขาในช่วงเดือนธันวาคม ทำให่ภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนคลับทั้งหมด 12 สาขา
และปีหน้าวางแผนขยายให้ครบ 20 สาขา และเริ่มขยายออกไปยังต่างจังหวัด โดยเริ่มจากหัวเมืองใหญ่ๆ ก่อน ทำเลที่จะไปตั้งส่วนใหญ่จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์และสำนักงาน ที่เดินทางสะดวก แต่ละสาขาใช้พื้นที่ 600 – 1,000 ตารางเมตร
ที่สุดแล้วเจ็ทส์ฟิตเนสตั้งเป้าที่จะขยายให้ครบ 100 สาขาภายใน 5 ปี และตั้งเป้าสมาชิกทั้งหมด 100,000 ราย หรือเฉลี่ยสาขาละ 1,000 คน