เมื่อถึงช่วงของการเปลี่ยนแปลงใช้พลังงานเชื้อเพลิง นอกจากผู้ประกอบค้าปลีกน้ำมันจะต้องโฆษณาสินค้า (น้ำมัน) ตัวใหม่ เพื่อให้มีผู้ใช้งานมากขึ้นแล้ว ภาครัฐในฐานะผู้กำหนดนโยบายพลังงานแห่งชาติก็ต้องมีแคมเปญออกมารณรงค์ด้วยเช่นกัน
ในอดีตเราคงพอจำภาพของภาพยนตร์โฆษณาเกี่ยวกับการรณรงค์ให้ใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วกันได้บ้าง ที่มีคนเพนต์ตัวสีบอรนซ์เกาะรถยนต์ไม่มีใครต้องการ กับวลีเด็ดว่า “ไปเถอะ” ครั้งนั้นสร้างกระแสได้อย่างยิ่ง และคนก็เริ่มปรับพฤติกรรมมาใช้น้ำมันไร้สารตะกั่วอย่างแพร่หลาย
มาถึงยุคนี้ประเทศของเราได้รณรงค์เปลี่ยนแปลงให้ใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้ง เมื่อน้ำมันไร้สารตะกั่วหมดวาระ น้ำมันแก๊สโซฮอล์เริ่มมีบทบาทแทน ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ของภาครัฐ โดยกระทรวงพลังงานจึงได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาเป็นตัวเอกในการชูโรง จูงใจ ให้คนในสังคมเห็นความสำคัญและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
Big Idea
ภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญนี้จึงน่าจับตาอย่างยิ่งว่า จะมีส่วนช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มผู้ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน และภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้จะกลายเป็น Talk of the town ได้เหมือนในอดีตหรือไม่ โดยเฉพาะการนำกลยุทธ์ Music Marketing มาใช้ในหนังโฆษณา โดยใช้ชื่อว่า “สองล้อหน้าใส หัวใจโซฮอล์ 91”
“ผมหวังว่าจะเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับแคมเปญโฆษณาของภาครัฐ และถ้าได้ผลตอบรับที่ดี ก็จะน่าเป็น Pilot Project ให้กับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในจัดทำแคมเปญต่างๆ ได้” กอบเกียรติ แสงวนิชย์ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด ในฐานะหัวเรือใหญ่ผู้ผลิตโฆษณาชิ้นนี้ กล่าวและว่า
“กลยุทธ์การใช้เสียงเพลง การใช้ดนตรีในการรณรงค์แคมเปญต่างๆ นั้น เป็นจุดแข็งของแกรมมี่ที่ทำมายาวนาน ซึ่งในครั้งนี้เราหวังว่า Music Marketing จะเป็นตัวช่วยให้แคมเปญมีประสิทธิภาพ และได้รับผลตอบรับที่ดีจะกลุ่มเป้าหมาย” กอบเกียรติ กล่าว
สำหรับที่มาของการผลิตภาพยนตร์โฆษณา สองล้อหน้าใส หัวใจโซฮอล์ 91 กอบเกียรติบอกว่า เนื่องจากทางกระทรวงพลังงานในฐานะลูกค้าได้ตั้งโจทย์ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายลดปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินธรรมดาให้ได้มากที่สุด และเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 แทน ซึ่งทางทีมงานได้ทำการสำรวจทัศนคติการใช้นำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ของกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ความรู้สึก และความเชื่อเดิมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้น จะทำให้เครื่องจะไม่แรง เครื่องสะดุด และจากการสำรวจพบอีกว่ากลุ่มผู้ใช้จักยานยนต์ 4 จังหวะส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น อีกประการที่น่าสนใจของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย ส่วนใหญ่จะตัดสินด้วยความรู้สึก และอารมณ์มากกว่าใช้เหตุผล อะไรที่เป็นกระแส หรือเทรนด์แรงๆ จะทำให้คล้อยตามได้ง่าย
เราจึงนำข้อมูลที่ได้มาต่อยอดบวกกับจุดแข็งของแกรมมี่ผลิตภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้เป็นหนังกึ่งเพลง เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคือวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะฟังเพลง และเสพงานด้านบันเทิง คอนเซ็ปต์หนังกึ่งเพลงน่าจะโดนใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
เกาะกระแสเกาหลีฟีเวอร์
สำหรับ Theme ของภาพยนตร์โฆษณา ทีมงานได้นำสิ่งที่เป็นสีสันใหม่ๆ โดยใช้กระแสเกาหลีฟีเวอร์ที่ได้รับความนิยมขณะนี้มาเป็นคอนเซ็ปต์ จากนั้นเราจึงได้กำหนดตัวเอกของภาพยนตร์โฆษณาซึ่งเป็นคู่พระ คู่นาง โดยมีสองคาแร็กเตอร์ พระเอก ชื่อว่า แว้นคุง มาจากคำว่าเด็กแว้น หรือเด็กวัยรุ่นที่ชื่นชอบการขับขี่จักรยานยนต์ เมื่อคนขี่ก็ต้องมีคนซ้อนทาย ขณะที่นางเอก ชื่อว่า โซวา มาจากแปลงคำว่าโซฮอล์
ส่วนพลอตเรื่องจะเป็นเรื่องความรักใสๆ ของตัวเอก แว้นคุงกับโซวา มีปมปัญหาเป็นเรื่องอกหัก โซวาก็เปลี่ยนใจไปนั่งซ้อนท้ายผู้ชายคนอื่น ทำให้แว้นคุงเสียใจมาก และหาเหตุผลว่าทำไมโซวาถึงเปลี่ยนไปเช่นนั้น และได้คำตอบว่า ที่โซวาเปลี่ยนไปเพราะหนุ่มคนใหม่ของโซวานั้นมีดีตรงที่เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 แว้นคุงจึงตัดสินใจเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ซึ่งในภายนตร์โฆษณาจะขมวดปมคำตอบด้วยว่าทำไมจึงต้องเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91
ประการแรก เติมแล้วมีเงินเหลือมากขึ้น เนื่องจากถูกกว่าน้ำเบนซินธรรมดาถึง 4 บาท ประการที่สองได้ความเท่ ความภาคภูมิใจ เพราะการทำดีเป็นการช่วยชาติประหยัดและลดการนำเข้าน้ำมัน และสุดท้ายเมื่อมีเงินเก็บมากขึ้น แถมยังช่วยประเทศชาติได้ด้วยทำให้น้องโซวาก็กลับมาคบกันเช่นเดิม เรื่องก็จบแบบ Happy Ending
สำหรับพระเอกนางเอกของภาพยนตร์โฆษณา “สองล้อหน้าใส หัวใจโซฮอล์ 91” และจะกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแคมเปญนี้ด้วย เราได้เลือกนักแสดงที่มีชื่อเสียง และเป็นกระแสในขณะนี้ พระเอกได้แก่ อาร์-เดอะสตาร์ พระเอกละครเวที แม่นาคพระโขนงเดอะมิวสิคเคิล ขณะที่นางเอก เป้ย-ปานวาด ซึ่งมีความน่ารัก เซ็กซี่ ที่สำคัญทั้งสองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆ ด้วย จึงเป็น True Story ที่ลงตัว
ขณะที่ด้านเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณา เลือกใช้เพลง “ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ” เพราะตรงกับพลอตเรื่อง และได้แปลงท่อน Hook ว่า “คนที่ใช้โซฮอล์มั่นใจได้นาน คนไม่ใช้นับวันช้ำใจยิ่งกว่า” เป็นไฮไลต์เพื่อให้เกิดการจดจำต่อกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้เรายังตบท้ายด้วย “น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เร่งแรงเครื่องดี ไม่มีสะดุด” ถือว่าเป็น Key Massage ของภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำสิ่งที่เราอยากสื่อสารหลักกับกลุ่มเป้าหมาย
ด้าน Mood & Tone ของภาพยนตร์โฆษณา เป็นความรักใสๆ มีอกหักเป็นปมปัญหา และกลับมาคืนดี Happy Ending สไตล์เกาหลี ซึ่งต่างจากภาพยนตร์โฆษณาของกระทรวงพลังงานที่ผ่านมา ซึ่งเน้นแก๊ก หรือมุก ตรงๆ เลย ใช้คำพูดเป็นตัวฉุดกระแส จึงอยากปรับเปลี่ยนโดยการนำเพลงมาเป็นตัวเด่นบ้าง ซึ่งเพลงนั้นเป็น Tool หลักซึ่งมีความสำคัญในการโน้มน้าว ชักจูงให้กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะวัยรุ่นได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งดีกว่าคำพูดแรงๆ โดนๆ เหมือนภาพยนตร์โฆษณาที่ผ่านมา อยากให้คนได้เสพใน Direction ใหม่ๆ บ้าง
ขณะที่ด้านผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาเราใช้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญทางด้านมิวสิกวิดีโอโดยเฉพาะมาเป็นผู้กำกับเพื่อภายนตร์โฆษณาเป็นตาม Mood & Tone ที่วางคอนเซ็ปต์ไว้
สำหรับความคาดหวัง กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย กล่าวในสุดท้ายว่า จากการนำ Music Marketing มาใช้ และพยาม Creative Idea ผสมผสานให้งานแนววิชาการออกมาในรูปแบบบันเทิง จะช่วยให้ภาพยนตร์โฆษณาประสบความสำเร็จ และเชื่อมั่นว่าภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้จะได้รับการตอบรับในเชิงบวกมากกว่าลบ