พลิกประวัติ Dolce & Gabbana ก่อนเจอดราม่าชาวจีนบอยคอต

Dolce & Gabbana กลายเป็นข่าวดังทั่วโลกเพราะชาวจีนไม่พอใจโฆษณาชุดใหม่และความเห็นที่เชื่อว่าเป็นของผู้ก่อตั้ง ล่าสุดแบรนด์ต้องล้มงานแสดงแฟชั่นโชว์ขนาด 500 ชุดในเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับการถูกคว่ำบาตรจากหลายฝ่ายทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ สิ่งที่หลายคนลุ้นคือวิกฤตินี้จะมีผลต่อธุรกิจ Dolce & Gabbana อย่างไรในอนาคต โดยเฉพาะในแง่ของยอดขาย ซึ่ง Dolce & Gabbana เคยมีจุดยืนว่าไม่ใช่จุดประสงค์หลักเมื่อเริ่มก่อตั้ง เพราะจุดประสงค์หลักคือความรักในการทำงานและแฟชั่นชนิดเข้มข้น

บ้านเกิดของ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ถือว่าอยู่คนละฝั่งของประเทศ แต่ทั้ง 2 คนสามารถทำให้เกิดพลังน่าทึ่งได้ต่อเนื่องนับตั้งแต่แฟชั่นโชว์ครั้งแรกที่มิลาน โดย Domenico Dolce เกิดในเมือง Polizzi Generosa เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.. 2501 ครอบครัวเป็นเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าขนาดเล็กทำให้ Domenico คลุกคลีกับวงการเสื้อผ้าตั้งแต่เด็ก ขณะที่ Stefano Gabbana เกิดที่เมืองมิลาน วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.. 2505 แม้จะศึกษาด้านกราฟิกแต่ไม่นานก็หันไปเรียนด้านแฟชั่นแทน 

หลังจากช่วงเวลาไม่นานที่ได้ร่วมงานกันในฐานะผู้ช่วยผู้ออกแบบ ทั้งคู่ได้ก่อตั้งแบรนด์ Dolce & Gabbana ซึ่งมีการแสดงบนรันเวย์เป็นครั้งแรกภายใต้กลุ่ม New Talent ที่มิลานในปี พ.. 2528 ตามคำเชิญของโปรโมเตอร์ดังแดนมักกะโรนี Beppe Modenese

ทั้ง Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ยืนยันเสมอว่าพวกเขาไม่ได้เริ่มสร้าง Dolce & Gabbana เพื่อเงินหรือหวังให้เป็นที่นิยม แต่พวกเขาเริ่มต้นจากความรักในการทำงาน และมีความปรารถนาหรือ passion ที่จะทำ แน่นอนว่า passion ในแฟชั่นและเสื้อผ้าสามารถสะท้อนออกมาได้อย่างเต็มที่ภายใต้แบรนด์ Dolce & Gabbana ส่งให้แบรนด์รุ่งเรืองต่อเนื่องหลายสิบปี

ไทม์ไลน์ Dolce & Gabbana

คอลเลกชั่นแรกปี 2529 ของ Dolce & Gabbana ใช้ชื่อว่า “Real Women” หลังความสำเร็จของการแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งแรก คอลเลกชั่นชุดผู้ชายก็คลอดตามมา รวมถึงน้ำหอมซึ่งเป็นกลิ่น signature นั้นจำหน่ายเกลี้ยงที่ร้าน D&G ในอิตาลี ฮ่องกง และญี่ปุ่น

ปี 2530 เป็นจุดที่ Dolce & Gabbana เริ่มเปิดตัวชุดชั้นในสตรี ก่อนขยายมาเป็นชุดว่ายน้ำในปีต่อมา กระทั่งช่วงต้นปี 2531 จึงเริ่มผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปผ่านธุรกิจครอบครัวของ Domenico Dolce ทำให้คอลเลกชั่นแรกของ Dolce & Gabbana ปรากฏตัวขึ้นในปี 2533

ในปี 2537 แบรนด์ Dolce & Gabbana จึงเริ่มปรับมาเป็น street style และดูอ่อนเยาว์ขึ้น มีการเปลี่ยนฐานการผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าเป็นบริษัท Ittierre 

ไม่พอ Dolce & Gabbana แตกไลน์สู่สินค้ากลุ่มน้ำหอมด้วยการเปิดตัวน้ำหอมหลายรุ่นทั้ง Dolce & Gabbana Perfume, By Dolce & Gabbana และ Dolce & Gabbana Men หนึ่งในโฆษณาน้ำหอมของพวกเขาถูกกำกับโดยผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี Giuseppe Tornatore ซึ่ง Dolce และ Gabbana ใกล้ชิดสนิทสนมมากจนร่วมแสดงภาพยนตร์ด้วยในปี 2539 เรื่อง The Star Maker 

นอกจากน้ำหอม Dolce & Gabbana เริ่มทำแบรนด์ D&G และเริ่มออกแบบแว่นตา พร้อมกับเริ่มต้นธุรกิจซีดีเพลงภายใต้แบรนด์ D&G ทั้งหมดนี้ถือเป็นไทม์ไลน์สำคัญในวาระครบรอบ 10 ปี ซึ่งแบรนด์ดังเปิดตัวหนังสือ Ten Years of Dolce & Gabbana กระทั่งในปี 2542 แบรนด์ D&G Junior จึงถูกสร้างขึ้น โดยมีคอลเลกชั่นแสดงในงานแฟชั่นเด็ก Pitti Bimbo ในเมือง Florence ด้วย

ดีเอ็นเอของ Dolce & Gabbana

Dolce & Gabbana เป็นแฟชั่นเฮาส์ที่มีชื่อเสียงเพราะดีกรีของ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ที่ลือชื่อมากเรื่องการสร้างสไตล์และรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งคู่ทำให้ดารานักแสดงมีความเป็นสตาร์ได้อย่างเจิดจรัส บน Collection ของทั้ง 2 คนที่สะท้อนถึงกลิ่นอายประเพณีอิตาเลียนคลาสสิก ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคปี 60

จาก 30 ปีก่อนที่ 2 ดีไซเนอร์เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงิน 1,500 เหรียญในกระเป๋า แต่ Dolce & Gabbana ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในสินค้าชุดเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับผู้หญิง เชื่อกันว่าพื้นฐานของ D&G เกิดขึ้นได้เพราะนักออกแบบทั้ง 2 คนนี้เคยทำงานเป็นผู้ช่วยในแวดวงศิลป์ในเมืองมิลาน บวกกับแรงบันดาลใจจากยุคโบฮีเมีย ซึ่งสามารถสัมผัสได้ชัดเจนใน Collection ของทั้งคู่ การใช้สีโทนเข้มร่วมกับภาพพิมพ์รูปสัตว์ทำให้ D&G มีภาพ passion ติดตัวเรื่องการออกแบบเสื้อผ้าที่มีเรื่องราวเหมือนการสร้างภาพยนตร์

ภาพของ D&G ที่สื่อมอง คือการสร้างเรื่องราวขึ้นมาแล้วออกแบบเสื้อผ้าตามเรื่องราวนั้น D&G จึงมีเสื้อผ้าที่สะท้อนบทบาทหลากหลายไม่น่าเบื่อ เช่น ชุดสูทปักเข็มกลัดสไตล์เจ้าพ่อ หรือเสื้อโค้ดพิมพ์ลาย ที่มีเรื่องราวซ่อนไว้เหมือนภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง

ชุดสตรีของ D&G มักถูกนำไปใช้เป็นชุดให้นางแบบในแคมเปญโฆษณาชื่อดังหลายชิ้น D&G จึงเป็นที่รู้จักเรื่องการทำให้ผู้หญิงดูเซ็กซี่มีระดับ นำไปสู่ยุคทองของ D&G ที่ชัดเจน เพราะแม้ว่าจะมีแบรนด์ใหญ่เช่น Armani และ Versace เป็นเจ้าตลาด แต่ D&G ก็สามารถแทรกตัวขึ้นมาโดดเด่นแถวหน้าได้อย่างสง่างาม

ปี 2540 แบรนด์ดัง D&G ทำเงินได้มากกว่า 400 ล้านปอนด์ ข่าวดังในปีนั้นไม่ได้มีเพียงยอดขายเท่านั้น แต่ทุกคนช็อกเต็มที่เมื่อ Dolce และ Gabbana ประกาศแผนการของตัวเองว่าจะเกษียณในวัย 40 ปี

ความสัมพันธ์ที่โรแมนติกระหว่าง Dolce และ Gabbana สิ้นสุดลงไม่กี่ปีหลังจากนั้น แต่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจนั้นแข็งแกร่งขึ้นทุกปี โดยยังสามารถทำ Collection สุดฮือฮาได้ในปี 2552 ซึ่งเป็นปีที่ D&G กล้าคิดกล้าทำนำเอาชุดนอนมาตับเย็บให้ดูหรูหราสำหรับใส่ไปทำงานหรืองานราตรี (ผลงาน Spring/Summer 2009)

ยอดขายเคยพุ่งและตกฮวบ

ระหว่างปี 2554 ถึง 2560 ยอดขายรวมของ Dolce & Gabbana เพิ่มขึ้นจาก 331.8 ล้านยูโร มาเป็น 991 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม ภาวะการเติบโตของ Dolce & Gabbana นั้นเริ่มสะดุดเพราะเริ่มคงที่ โดยยอดขายปี 2560 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2559 ที่ทำได้ 998 ล้านยูโร

ภาวะยอดขายลดลงของ Dolce & Gabbana นั้นไม่ใช่ครั้งแรก เพราะช่วงปี 2556-2558 นั้นยอดขายของ Dolce & Gabbana ลดตัวลง ประเด็นนี้ไม่แน่ชัดว่าเป็นเพราะความเห็นแง่ลบของ Domenico Dolce ที่ปลุกกระแสให้ชุมชน LGBTQI และคนอื่นต่อต้าน Dolce & Gabbana หรือไม่ เนื่องจากช่วงเวลานั้น Domenico Dolce ออกมาให้สัมภาษณ์โดยเรียกเด็กที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF จากบิดามารดาที่เป็นเพศเดียวกันว่าเด็กสังเคราะห์ซึ่ง Domenico Dolce ออกมาขอโทษในช่วง 5 เดือนต่อมา

ต้องรอลุ้นว่าครั้งนี้ ข่าวฉาวของ Stefano Gabbana จะทำให้รายได้ของ Dolce & Gabbana หล่นฮวบอีกหรือไม่ โดย Stefano Gabbana ถูกพาดพิงเพราะมีการเผยแพร่ข้อความได้ตอบโต้กับชาว Twitter รายหนึ่งถึงสาเหตุที่ Dolce & Gabbana ยอมลบคลิปชุดตะเกียบคีบ ว่าเป็นเพราะมีผู้บริหาร Dolce & Gabbana บางรายเกรงกลัวบารมีจีน พร้อมกับบอกว่าหากเป็นเขา จะไม่ลบแน่นอน 

ในข้อความของ Gabbana เขียนว่าผมจะบอกให้รู้ตรงนี้ว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่ … (อิโมติคอนรูปอุจจาระ)” ทำให้เกิดความโกรธแค้นทั่วสังคมจีน เบื้องต้น Dolce & Gabbana แถลงการณ์ว่าบัญชีของ Gabbana ถูกแฮก ซึ่งทำให้ความโกรธแค้นยิ่งระอุมากขึ้นจนทำให้สินค้า Dolce & Gabbana ถูกถอนออกจากเว็บไซต์ดังมากมาย รวมถึงร้านค้าในจีนขณะนี้

จนล่าสุด Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ต้องอัพคลิป แถลงการณ์ขอโทษอย่างเป็นทางการว่า เป็นเพราะ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และจะไม่ทำแบบนี้อีก

ไม่แน่ว่า การออกมาขอโทษในครั้งนี้จะช่วยให้วิกฤติแบรนด์ของ Dolce & Gabbana ที่เริ่มต้นมาด้วยความรักจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่.

ที่มา :


ข่าวเกี่ยวเนื่อง