การเติบโตของ “ฟาสต์แฟชั่น” ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมไปหลายส่วน ด้วยราคาไม่สูงมากและคุณภาพที่ค่อนข้างดี สินค้ามีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่หัวจรดเท้า กระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาซื้อช่องทางนี้มากขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแฟชั่นไทย รวมถึง “ยีนส์” ที่ถูกแย่งชิงเค้กด้วย
“Lee” แบรนด์กางเกงยีนส์เข้ามาทำตลาดได้ 40 กว่าปี ผ่านการนำเข้าของบริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป หรือ CMG ประเมินแล้วว่า จากเดิมที่แบรนด์ยีนส์จะแบ่งก้อนเค้กกันเองแต่การมาของฟาสต์แฟชั่นได้เข้ามาแย่งชิงยีนส์ทรงคลาสสิกไปเยอะพอสมควร
ปัจจุบัน Lee มีฐานลูกค้าคนไทย 60% ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจีน รองลงมาเป็นประเทศในเอเชียอื่นๆ และรัสเซีย เหตุผลที่ชาวจีนนิยมซื้อ Lee ในเมืองไทย เพราะราคาที่ถูกกว่าถึง 40% และเนื้อผ้าดี
แต่ละครั้งที่ชาวจีนเดินเข้าร้าน Lee จึงซื้อขั้นต่ำ 7,000 บาทต่อคน ไปจนถึง 20,000 บาทต่อคน ถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับคนไทยที่ซื้อเฉลี่ย 3,000 บาทต่อคน ที่ผ่านมา Lee จึงใช้ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้มาแล้ว 5 ปี เพื่อสื่อสารกลับกลุ่มชาวจีนที่ชื่นชอบมาริโอ้
แต่ช่วง 4 เดือนมานี้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงเยอะ ทำให้ Lee ต้องปรับแผนการตลาดใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย “ต่างจังหวัด” เป็นหลัก ผ่านความร่วมมือกับทางห้างสรรพสินค้าโรบินสันและเซ็นทรัล ทั้งในช่องทางที่เป็นเคาน์เตอร์และลานอีเวนต์ทั่วไปของห้าง
นันทวรรณ สุวรรณเดช ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า
“กำลังซื้อในต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองยังมีอยู่เยอะ เราจึงต้องเข้าไปหาพวกเขามากขึ้นผ่านกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ หวังกระตุ้นให้ยอดซื้อต่อคนเพิ่มมาเป็น 5,000 บาท และอยากกระตุ้นให้ลูกค้ามาซื้อ Lee 1 ตัว และไปซื้อฟาสต์แฟชั่น 1 ตัวก็พอใจแล้ว โดยคนไทยนิยมซื้อยีนส์กับแจ็กเก็ต”
นอกจากนี้ ยังใช้งบ 5 ล้านบาท ปรับปรุงสาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ชั้น 3 โซนเอเที่ยม เปิดเป็น “Customized store” แห่งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Indigo Bangkokian Street life” นำเอาเอกลักษณ์พื้นเมืองอย่างรถสามล้อ, สตรีทฟู้ด, ลายไทย โดยคอนเซ็ปต์นี้จะเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ที่เดียวเท่านั้น
ส่วนการขยายสาขา เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมคนเดินในส่วนที่เป็นห้างสรรพสินค้าลดลง แต่หันมาเดินในส่วนที่เป็นศูนย์การค้ามากขึ้นเนื่องจากมีความหลากหลาย Lee จึงต้องเปิดร้านเพิ่มอีกประมาณ 2-3 สาขาในปีหน้าในพื้นที่ที่เป็นศูนย์การค้ามากขึ้น จากปัจจุบันที่มีประมาณ 40 สาขา โดยลงทุนประมาณ 2 ล้านบาทต่อสาขา และจะปรับปรุงสาขาเดิมอีก 7 สาขา ในกรุงเทพฯ 3 สาขา และต่างจังหวัดอีก 4 สาขา
รวมถึงเพิ่มช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคหันไปช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น โดยจะทำการขายผ่านเว็บไซต์ช้อปแอนด์แชตของเครือเซ็นทรัล ปีนี้ตั้งเป้าโต 5%.