ในที่สุดก็กลายเป็นดราม่าเกิดขึ้นจนได้ สำหรับกรณีที่ “Netflix” ทุ่มเงินซื้อสื่อสำหรับโปรโมท “Black Mirror” ในวันนี้ (28 ธันวาคม 2561) ซีรีส์ว่าด้วยด้านมืดของเทคโนโลยี ซึ่งทำออกเป็นเรื่องสั้น ซีรีส์แต่ละตอนเป็นเอกเทศต่อกัน โดยตอนที่เป็นดราม่านั้นถูกติดแฮทแท็กว่า #เจ้าหญิงซูซานน่า
จริงๆ แล้วก่อนที่จะกลายเป็นดราม่า “Netflix” มีการโปรโมททั้งสื่อออนไลน์ผ่านหนังสือพิมพ์ โดยการซื้อหน้าหุ้มปกของทั้งเดลินิวส์และ บางกอกโพสต์
รวมไปถึงสื่อออนไลน์ที่ทำคลิปวิดิโอออกมา โดยการเล่นใหญ่ถึงกับตัว “จั๊ด ธีมะ” ผู้ประกาศข่าวจากช่องวัน ให้มานั่งอ่านข่าวก่อนจะแทรกด้วยการปล่อยคลิป #เจ้าหญิงซูซานน่า ที่ขอความช่วยเหลือ ก่อนที่จะปิดท้ายว่านี่คือ การโปรโมทของ “Black Mirror”
งานนี้ “Netflix” รุกโปรโมทผ่านโซเชียลมีเดียวในหลายๆ แพลตฟอร์ม เช่นทวิตเตอร์ที่มีทั้ง ไทยรัฐ ข่าวสด และ MThai ซึ่งทุกรายต่างติดคำว่า “Sponsor” ไว้ด้วยเพื่อป้องกันการสับสน นอกจากนี้ยังซื้ออินฟลูเอนเซอร์หลายๆ รายด้วย
เกิดเหตุจับตัว #เจ้าหญิงซูซานน่า เมื่อเช้านี้ โดยล่าสุดผู้ก่อการร้ายโพสต์คลิปถึงข้อเรียกร้องออกมาแล้ว ตอนนี้กระแสกดดันจนท.เร่งตัดสินใจแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
[Sponsor] pic.twitter.com/5MtWzlYE6d— MThai (@mthai) December 28, 2018
ช่วงแรกในทวิตเตอร์ต่างได้รับความสนใจเป็ยจำนวนมาก และไม่ค่อยมีกระแสในแง่ลบสักเท่าไหร่ ซึ่งต่างจากใน Facrbook ที่มีผู้ใช้ทั้งชื่นชอบ รวมไปถึงคอมเมนต์ในเชิงที่ระบุว่า
“เป็นสื่อควรระมัดระวังให้มากกว่านี้ ไม่ควรนำข่าวที่แม้จะเป็นการโมทโมทซีรีส์ แต่ก็คล้ายของจริงจนอาจกลายเป็นข่าวลวง ทำให้คนสับสนได้”
ในแง่ของความคิดสร้างสรรค์คงต้องชื่นชอบ “Netflix” เค้าจริงๆ แต่ก็อยากให้ระมัดระวังให้มากกว่านี้ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ไปเร็วบ้าง และไม่ใช่คนอ่านทุกคนจะเข้าใจ กับโฆษณาที่แบรนด์กำลังต้องการจะสื่อ
ไม่งั้นแทนที่โฆษณาจะ “ปัง” จะกลับเป็น “พัง” เอาได้ง่ายๆ และชื่อเสียงที่เสียไปไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะสามารถกู้กลับมาได้ในระยะเวลาอันสั้น.
ข่าวเกี่ยวเนื่อง
• นี่ “Netflix” เอง! จัดเต็มแคมเปญท้ายปี ซื้อทั้งบิลบอร์ดและหน้าหนังสือพิมพ์ จนอยากถาม “คิดได้ไงอะ” ?