ยังเป็นกระแสข่าวฮอตไม่เลิก เมื่อทุกการขยับทุกย่างก้าวของ “แมท ภีรนีย์” ล้วนเป็นข่าว ยิ่งการแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างสุดขั้วของเธอ ทำให้ล่าสุด กองละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” ของค่ายบรอดคาสต์ ช่อง 3 ต้องออกมาอ้อนคนดูให้เป็นกำลังใจให้นักแสดงและทีมงานละครเรื่องนี้ แต่ก็ยังโดนคนเข้าไปถล่ม ที่พุ่งเป้าไปที่ลงที่ “แมท ภีรนีย์” กันอย่างหนัก
กระแสข่าวที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เกิดความน่ากังวลกับผลงานละครใหม่ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ว่า จะเกิดผลกระทบต่อเนื่องจากกระแสข่าวต่อไปหรือไม่ เมื่อกองละครยังคงเดินหน้าถ่ายทำกันอย่างต่อเนื่อง มีกำหนดปิดกล้องละครในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยช่อง 3 วางแผนไว้ออกอากาศในช่วงกลางปีนี้
“ลิขิตรักข้ามดวงดาว” ละครฟอร์มยักษ์ ที่มาพร้อมอุปสรรคที่ต้องก้าวข้ามให้ได้
ความจริงแล้วละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” หรือ My Love From Another Star ซีรีส์เกาหลีสุดฮิต ที่ค่ายบรอดคาสต์ซื้อลิขสิทธิ์เกาหลี ก็มีเรื่องราวอุปสรรคมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มซื้อลิขสิทธิ์ การวางตัวนักแสดง ผู้กำกับ ฉาก
ละครเรื่องนี้มีการวางตัว “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงคิวทองตัวท็อปของช่องเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ในบทของ “อชิระ” หรือ โทมินจุน ในเวอร์ชั่นเกาหลี ในบทของ มนุษย์ต่างดาวตกยานที่อาศัยอยู่บนโลกมานานรอวันกลับดาวตัวเอง แต่ระหว่างช่วงเวลาที่เขารอคอยการจากโลกใบนี้ไป กลับต้องมาเจอความป่วนของ ฟ้ารดา หรือ ชอนซงอี ในบทซุปตาร์ตัวแม่ สาวสวยข้างห้อง จนเกิดความรักสุดโรแมนติก
โดยที่บทของ ฟ้ารดา ก็ได้มีการวางตัว “แมท ภีรนีย์” ไว้ ซึ่งถือเป็นละครฟอร์มยักษ์เรื่องแรกในชีวิตการแสดงของ “แมท” จากที่แสดงมา 18 เรื่อง ถึงขนาดที่ว่า “แมท” ปฏิเสธไม่รับละครเรื่องอื่น เพื่อเคลียร์คิวทั้งหมดสำหรับแสดงเรื่องนี้เลยทีเดียว
เมื่อได้คิวนักแสดง วางตัวผู้กำกับ ทีมงานเรียบร้อย ละครเรื่องนี้มีการบวงสรวงครั้งแรกเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยมี “ปุ๊ก –พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์” เป็นผู้กำกับ ซึ่งเคยมีผลงานการกำกับละคร “ซ่อนรักกามเทพ” ให้กับค่ายบรอดคาสต์มาแล้ว ผลงานสร้างชื่อของปุ๊ก คือ ภาพยนตร์ “ไอ้ฟัก”
ละครเปิดกล้องในปลายเดือนพฤศจิกายน 2560 มีการถ่ายฉากสำคัญ ฉากใหญ่นอกสถานที่ไปหลายฉาก เพื่อรอการสร้างฉากในสถานที่ ที่เป็นฉากคอนโดที่พัก ที่โรงถ่ายหนองแขม ที่ว่ากันว่า ทุ่มทุนเป็นหลักสิบล้านเพื่อให้เหมือนต้นฉบับซีรีส์เกาหลีกันเลยทีเดียว
การถ่ายทำในช่วงแรก ว่ากันว่า เป็นไปอย่างเคร่งเครียดกันทั้งกอง ทั้งๆ ที่เป็นละครโรแมนติกดราม่าปนคอมเมดี้ ถ่ายทำกันไปไม่นาน ได้ประมาณ 10% ก็ต้องหยุดถ่ายทำ พร้อมกับข่าวการลาออกยกทีมผู้กำกับ เนื่องจาก ปุ๊ก-พันธุ์ธัมม์ ไปรับตำแหน่งผู้ดูแลคอนเทนต์ละคร ของช่องจีเอ็มเอ็ม 25 แทน “พี่ฉอด-สายทิพย์” ซึ่งต้องโยกไปทำบริษัทผลิตคอนเทนต์
เมื่อเปลี่ยนผู้กำกับคนใหม่ “ใหม่-ภวัต พนังคศิริ ที่เพิ่งประสบความสำเร็จจากละคร “บุพเพสันนิวาส” มารับหน้าที่แทน ละครต้องเริ่มกันใหม่หมด มีการปรับเปลี่ยนตัวนักแสดง เนื่องจากคิวนักแสดงรวน มีการบวงสรวงกันใหม่ เป็นรอบที่ 2 เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2561
เนื่องจาก “ใหม่-ภวัต” ต้องกำกับละครซ้อนกันถึง 2 เรื่องคู่กับ “เพลิงรัก เพลิงแค้น” ที่เปิดกล้องมาตั้งแต่กรกฎาคม 2560 ทำให้การถ่ายทำล่าช้าทั้ง 2 เรื่อง เนื่องจากผู้กำกับต้องทำงาน 2 เรื่องในเวลาเดียวกัน
อุปสรรคการถ่ายทำมีมาเป็นระยะตามประสาละครฟอร์มยักษ์ แม้นักแสดงหลักเทคิวลงเรื่องเดียว แต่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับกรณีมรสุมข่าว “แมท” ที่โหมกระหน่ำอยู่ทุกวันนี้
Case study พฤติกรรมดารา กระทบรายได้ช่อง
เดิมทีละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” เป็นเรื่องที่ช่อง 3 คาดหวังหนักมากว่าจะเป็นหนึ่งในละครที่สร้างผลงาน เรตติ้งเปรี้ยงที่สุดเรื่องหนึ่งเมื่อออกอากาศ แต่ช่อง 3 และทางบรอดคาสต์ ผู้จัด กำลังต้อง “ร้อนๆ หนาว” จากดราม่า “แมท ภีรนีย์”
หลังจากกรณีดราม่าไม่ปลื้ม “แมท ภีรนีย์” ที่ประกาศคบหาสงกรานต์ เตชะณรงค์ พ่อหม้ายป้ายแดงจนกลายเป็นกระแสต่อเนื่อง หลังจากค่ายบรอดคาสท์ โพสต์ไอจี ฝากติดตามชม #ลิขิตรักข้ามดวงดาว ต้องเจอกระแสคนดูคอมเมนต์ไม่ดูละคร “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” หากไม่เปลี่ยนตัวนักแสดง แต่ดูเหมือนว่าคงเป็นไปได้ยากแล้ว เพราะละครถ่ายทำล่าช้ามาเกิน 1 ปี ลงทุนไปมากกว่า 50 ล้านบาท งบประมาณเริ่มบานปลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวอย่างกรณีละคร “บ่วงนฤมิต” ที่กำลังออนแอร์ผ่านมา 6 ตอน กลายเป็นละครหลังข่าว 2 ทุ่ม ที่มีเรตติ้งต่ำที่สุดของช่อง 3
หากเป็นไปตามแผนงานเดิม ละครเรื่องนี้คาดว่าจะออนแอร์ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีนี้ ซึ่งต้องมีเตรียมแผนงานก่อนละครออนแอร์ ตั้งแต่การขายงานให้เอเจนซี่โฆษณา การทำแผนประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมต่างๆ
ถ้าตัว “แมท ภีรนีย์” ยังเป็นกระแสทางลบในสังคม โอกาสที่ขายโฆษณาล่วงหน้ากับกลุ่มเอเจนซี่น่าจะเป็นไปได้ยาก แม้ว่าจะมี “ณเดชน์” เป็นแม่เหล็กก็ตาม และณเดชน์อาจจะเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ามากมาย แต่เมื่อมาลงละครกับนักแสดงที่มีกระแสแอนตี้สูง เจ้าของสินค้า อาจจะต้องลังเลใจ รวมถึงการทำประชาสัมพันธ์เปิดตัวละคร เป็นโจทย์ใหญ่ของทีมงานอาจทำได้ยากกว่าปกติ จะหวังพึ่งพลังระดับซุปตาร์ของณเดชน์ไว้คนเดียวคงเอาไม่อยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาจจะไปซ้ำเติมสถานการณ์การเงิน ผลประกอบการของช่อง 3 ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์เหมือนในอดีต จากการแข่งขันของวงการทีวีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
กรณี “แมท ภีรนีย์” สะท้อนชัดเจนว่าการสร้างงานละครเรื่องหนึ่ง ก่อนที่ผลงานจะออนแอร์ ทุกองค์ประกอบของงานล้วนมีความสำคัญ ยิ่งเป็นละครฟอร์มใหญ่ ความคาดหวังกดดันสูง หากพลาดเพียงจุดเดียว ส่งผลกระทบมากมายและอาจลุกลามเป็นโดมิโนต่อเนื่อง พลาดเพียงเรื่องเดียวก็อาจสะเทือนไปทั้งช่องเช่นนี้ บทเรียนนี้ น่าจะเป็นกรณีศึกษากันต่อไป.