เป็นอีกปีที่สมรภูมิทีวีดิจิทัลยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ช่องเบอร์ใหญ่อย่างช่อง 7 ต้องเจอคู่แข่งหน้ามากหน้าหลายตาที่เข้ามาแย่งชิงเค้กโฆษณาก้อนเดิม แม้ว่า ช่อง 7 ยังเป็นเบอร์ 1 ครองเม็ดเงินโฆษณาเป็นอันดับแรกก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่า ช่อง 7 ต้องเผชิญภาวะยากลำบากมากขึ้น ไม่ว่าจะโดนดึงรายการดังที่อยู่คู่กับช่องมาเป็นเวลานานอย่าง “กิ๊กดู๋” จนทำให้ช่อง 7 ต้องแก้ลำด้วยการถอนออกจากผังรายการทันที
ไม่ทันข้ามปี ช่อง 7 รีบชิงประกาศผังรายการใหม่ทันที เพื่อให้รู้ว่าช่อง 7 ยังมีขุมกำลังอยู่ โดยเฉพาะการเน้นย้ำผัง “ละคร” ที่มีละครแนวบู๊ สู้กันสนั่นจอ เป็นพระเอกในการฟันเรตติ้ง รวมถึงการเดินหน้าละคร “เพชรพระอุมา” จากนวนิยายชื่อดัง
“เพชรพระอุมา” นวนิยายแนวผจญภัยในตำนาน ของ “พนมเทียน” ที่มีความยาวมากที่สุดของไทย ใช้ระยะเวลาในการประพันธ์ยาวนานกว่า 25 ปี โดยพนมเทียนเริ่มต้นการประพันธ์เพชรพระอุมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 และสิ้นสุดเนื้อเรื่องทั้งหมดในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2535 รวมระยะเวลาในการประพันธ์ทั้งสิ้น 25 ปี 7 เดือน กับ 2 วัน จำนวนทั้งหมด 48 เล่ม เป็นเรื่องที่มีผู้รอคอยอยากจะเห็นตัวเอกของเรื่อง ทั้ง รพินทร์ ไพรวัลย์, แงซาย และ คุณหญิงดาริน ออกมาโลดแล่นในทีวีมากที่สุด
ช่อง 7 ได้ซื้อลิขสิทธิ์ “เพชรพระอุมา” มาไว้ในมือนานแล้ว ตั้งแต่ยุคทีวีแอนะล็อก ตัดหน้าช่อง 3 ที่มีการเข้าไปเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ก่อนหน้านี้ แต่ช่อง7 ก็ยังไม่ตัดสินใจสร้างเป็น “ละคร” เสียที จนล่าสุดมีข่าวว่า ช่อง 7 ตัดสินใจให้ค่ายโคลีเซี่ยม เป็นผู้ผลิตละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้แล้ว
ช่อง 7 มีผู้ผลิตละครบู๊ในช่องหลากหลายค่าย นอกจากโคลีเซียมแล้ว ยังมีทั้งค่าย ฉลอง ภักดีวิจิตร, ค่าย 9 บีเวอร์ ของ โอลิเวอร์ บีเวอร์ ผู้สร้าง “เล็บครุฑ”, ค่ายป๊าสั่งย่าสอน ของกลุ่มกันตนา ที่สร้างละคร “สารวัตรใหญ่” แต่ช่อง 7 ก็ตัดสินใจให้กับกลุ่มโคลีเซียม เพราะเห็นจากผลงานละครล่าสุด “จ้าวสมิง” ที่ช่วยฟื้นเรตติ้งของช่องในช่วงไตรมาสุดท้ายของปีที่แล้วมาได้
เมื่อปีที่แล้ว เป็นปีแรกที่ละครช่วงหลังข่าวของช่อง 7 เผชิญสภาพเรตติ้งลดต่ำลง ไม่มีละครเรื่องใดทำเรตติ้ง 2 หลักได้เลย ละครเรื่องที่ทำเรตติ้งสูงสุดคือ “สัมปทานหัวใจ” ที่มี “เวียร์–ศุกลวัฒน์” นำแสดง ได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่อง 7.627 ส่วนเรื่องที่ทำเรตติ้งต่ำสุด ที่จบในปี 2561 คือ “พ่อมดเจ้าเสน่ห์” เรตติ้งเฉลี่ย 3.60 เท่านั้น
ส่วนละครที่มีเรตติ้งรองลงมา ส่วนใหญ่เป็นละครบู๊ “จ้าวสมิง” ละครที่กลับมาฟื้นเรตติ้งช่วงละครหลังข่าวช่อง 7 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ ให้กลับมาคึกคักต่อไปได้ “จ้าวสมิง” ทำเรตติ้งเฉลี่ยไว้ 6.35
นอกจากละครหลังข่าว 2 ทุ่มแล้ว เมื่อปลายปีช่อง 7 ยังจัดละครบู๊แนวตลาดต่างจังหวัดลงผังช่วงละครเย็น “พ่อตาปืนโต ตอนหลานข้าใครอย่าแตะ” ของค่าย “อาฉลอง– ฉลอง ภักดีวิจิตร” มาลงเรียกเรตติ้ง ในปลายเดือนธันวาคม เรียกเรตติ้งกระฉูด เรตติ้งเฉลี่ยเกิน 6 แต่กลยุทธ์การจัดวางละครเย็นชุดนี้ของช่อง 7 ยังตั้งใจจัดมาชนกับละคร “อังกอร์” ของช่อง 3 ผลิตโดยค่าย อาหลอง จูเนียร์ ของลูกชายอาหลอง ที่ช่อง 3 วางแผนมารีรันในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยช่อง 7 ยอมเลื่อนตอนจบของ “ไฮโซสะออน” มาออนแอร์ชนกันวันที่ 20 ธันวาคม
“อังกอร์” เป็นละครบู๊นอกสายตา ที่สามารถสร้างเรตติ้งมาเป็นอันดับ 2 ของช่อง 3 ในปีนี้ ด้วยเรตติ้งเฉลี่ย 5.311 จนช่อง 3 นำมารีรันอีกครั้ง
สำหรับในปีนี้ แนวละครช่อง 7 เกือบครึ่งเป็นละครแนวบู๊ มีตั้งแต่บู๊สนั่น ถึงใจคอละครแอคชั่น เช่น มังกรเจ้าพระยา, ร้อยป่า และ สารวัตรใหญ่ ที่กำลังออกอากาศ และบู๊ รักโรแมนติก ดราม่า ในอีกหลายๆ เรื่อง เนื่องจากเห็นแนวโน้มแล้วว่า ละครบู๊ จะสามารถตรึงผู้ชมให้อยู่กับช่องได้อยู่หมัดมากกว่าแนวละครอื่นๆ ที่หลายๆ ช่องสามารถผลิตออกมาแข่งขันได้ อีกทั้งยังเป็นแนวคอนเทนต์ที่ตรงใจฐานผู้ชมช่อง 7 โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด
จากการเปิดตัวละครของทั้งช่องวันในเดือนมกราคมนี้ ส่วนใหญ่เป็นละครหลากหลายแนว ไม่ได้เน้นละครบู๊มากนัก ส่วนของช่อง 3 ที่จะมีการจัดงานเปิดตัวละครใหม่ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ก็ไม่ได้เน้นที่ละครบู๊ แนวแมสเช่นดียวกับช่อง 7
ไม่ใช่ว่าช่อง 7 จะมีแค่แนวบู๊เท่านั้น ปีนี้ยังขยายแนวละครออกมาหลากหลายมากขึ้น ทั้งพีเรียด ดราม่า รักโรแมนติก เพื่อหวังดึงฐานผู้ชมพื้นที่ในเมืองด้วยเช่นกัน มีกลยุทธ์การจัดละครชิงผู้ชมตัดหน้าคู่แข่งในตลาดคนเมือง เช่น วาง “บ่วงสไบ” ละครพีเรียด สยองขวัญ จากนิยายดังของ “ภาคินัย” ผู้แต่งคนเดียวกับละคร “นางชฎา” ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างมาก ลงตัดหน้าละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” ละครพีเรียดคอมเมดี้ แนวเดียวกับ “พ่อมากพระโขนง” ที่จะเริ่มออนแอร์ 31 มกราคมนี้ เป็นละครที่ช่อง 3 คาดหวังว่าจะติดตลาดโกยความนิยมได้สูงในปีนี้
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์หลักของช่อง 7 ก็ยังคงยืนหยัดกับละครบู๊ นอกจาก “เพชรพระอุมา” แล้ว ช่อง 7 ยังมีสต๊อกลิขสิทธิ์นิยายของพนมเทียนอีกชุดใหญ่ และลิขสิทธิ์ละครบู๊เรื่องอื่นๆ อีกมาก ที่ช่อง 7 เชื่อว่าตลาดนี้ ยังคงทำให้ช่อง 7 ยืนหนึ่ง แบบยืนหยัดได้ยาวๆ.