“อาร์เอส” พลิกบิสสิเนสโมเดล ธุรกิจคอมเมิร์ซดันกำไรพุ่ง 55%

การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงธุรกิจ ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยี ดิสรัปชั่นในอุตสาหกรรมสื่อมีมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือช่วงที่เกิดทีวีดิจิทัล เพราะด้วยจำนวนช่องฟรีทีวีเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวจากยุคแอนะล็อก ที่มาพร้อมกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของโซเชียลมีเดียธุรกิจสื่อ” จึงต้องหาทางรอด

แต่หากจะวัดผลการปรับตัวพลิกโมเดลธุรกิจ สู่น่านน้ำใหม่ว่าทำได้ถูกทางหรือไม่ คงต้องไปดูกันที่ผลประกอบการ อาร์เอส เป็นหนึ่งในตัวอย่าง ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน จากการสร้าง บิสสิเนส โมเดล ใหม่ จากธุรกิจเพลงสู่ธุรกิจทีวีดิจิทัล และธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) ด้วยการแตกธุรกิจ ไลฟ์สตาร์ เพราะมองเห็นเทรนด์การเติบโต

เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร อาร์เอส ให้เหตุผลการเข้าสุ่ธุรกิจเฮลธ์แอนด์บิวตี้ว่า เป็นการเข้ามาหาโอกาสในอุตสาหกรรมมูลค่าหลาย แสนล้านบาท ที่ยังเติบโตทั่วโลก ขณะที่ธุรกิจทีวีมูลค่า 6-7 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มชะลอตัว

จากความคิดนอกกรอบ เปลี่ยนแปลงธุรกิจครั้งใหญ่ นับจากเปิดตัวไลฟ์สตาร์ในปี 2557 

ทำให้ช่วง 2 ปีนี้ โครงสร้างอาร์เอสเปลี่ยนจากธุรกิจสื่อ สู่กลุ่มธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (Multi-Platform Commerce หรือ MPC) หรือเรียกง่ายๆ ว่าธุรกิจคอมเมิร์ซ ใช้สื่อในเครือเป็นเครื่องมือสื่อสารกับผู้บริโภค วันนี้ MPC เป็น เรือธง ของอาร์เอส สร้างรายได้และกำไรเหนือกลุ่มสื่อ 

ปี 61 โชว์นิวไฮ

ดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2561 ทำ นิวไฮ เติบโตทั้งยอดขายและกำไรในรอบ 37 ปี มีกำไรสุทธิ 516 ล้านบาท เติบโต 55% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำรายได้  3,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% ธุรกิจ MPC ยังทำกำไรมาเป็นอันดับ 1 รายได้ทั้งปีอยู่ที่ 2,126 ล้านบาท  สัดส่วน 55% ของรายได้ปีก่อน

การเติบโตแบบก้าวกระโดดได้แรงส่งมาจากการจำหน่ายสินค้ากว่า 100 รายการ ในกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม แบรนด์มาจีค (Magique), รีไวฟ์ (Revive) กลุ่มอาหารเสริมแบรนด์ S.O.M ตามด้วยกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ และกลุ่มเครื่องประดับ (Accessories) จำหน่ายผ่านสื่อในเครือ ทั้งทีวีดิจิทัล ช่อง 8 ทีวีดาวเทียม ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี, ช่องเพลินทีวี, วิทยุคูลฟาเรนไฮต์, สื่อออนไลน์ www.shop1781.com, LINE@shop1781, LINE@COOLanything รวมทั้งตัวแทนขายตรง LifestarBIZ โมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกทั่วประเทศ 

ช่องทางต่างๆ เหล่านี้ได้พัฒนามาจากจุดแข็งของอาร์เอส ทำให้เรามีแต้มต่อและได้เปรียบคู่แข่ง จากฐานผู้ชมทีวีและผู้ฟังวิทยุที่เป็นลูกค้าประจำ มีแบรนด์ลอยัลตี้สูงและซื้อซ้ำ

สื่อชะลอตัว อาร์เอสพลิกโต

ทางด้านธุรกิจสื่อปีก่อนต้องบอกว่าภาพรวมอยู่ในทิศทาง ชะลอตัว แต่ธุรกิจสื่ออาร์เอสที่วันนี้กลายเป็นธุรกิจรอง สัดส่วนอยู่ที่ 35% ปีก่อนทำรายได้ 1,344 ล้านบาท ยังเติบโตสวนกระแส โดยช่อง 8 เป็นหัวหอกปิดจองโฆษณาระยะยาวได้ตามเป้าและขายพื้นที่โฆษณาได้เพิ่มขึ้นตลอดปี

จากรายการหลักยังได้รับความนิยมรวมทั้งคอนเทนต์ละครกระแสดี อย่าง พยัคฆา สาปกระสือ และซิ่นลายหงส์ เช่นเดียวกับซีรีส์อินเดีย อย่างหนุมานสงครามมหาเทพ ลิขิตแค้นแสนรัก และพิฆเนศมหาเทพไอยรา รวมไปถึงรายการข่าว อย่างคุยข่าวเช้าและคุยข่าวเย็น 

สำหรับธุรกิจเพลง ที่เคยเป็นธุรกิจหลักของอาร์เอส วันนี้กลายเป็นธุรกิจสนับสนุน ควบคู่กับธุรกิจอีเวนต์ โดยธุรกิจเพลงและอีเวนต์ทำกำไรดีสม่ำเสมอ คิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของรายได้

ปี 62 MPC ยังไปต่อ

บิสสิเนสโมเดลธุรกิจ MPC ของอาร์เอส ใช้กลยุทธ์ ซินเนอร์จี้กับธุรกิจสื่อและธุรกิจเพลง เพื่อเจาะกลุ่มชมทีวีและผู้ฟังเพลง เปลี่ยนมาเป็นฐานลูกค้า ทั้งกลุ่มเดิมที่ซื้อซ้ำและผู้ชมผู้ฟังกลุ่มใหม่ เมื่อทีวีมีเรตติ้งเพิ่มขึ้น และวิทยุขยายสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ขณะที่ธุรกิจ MPC  เพิ่มจำนวนสินค้าใหม่มาเป็นตัวเลือกกระตุ้นกำลังซื้อ และตัวแทนธุรกิจขายตรงเข้ามาหนุนอีกทาง

อาร์เอสจึงมั่นใจในบิสสิเนสโมเดลนี้และคาดการณ์รายได้ปี 2562 แตะ 5,000 ล้านบาท ทำนิวไฮอีกครั้งตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยรายได้หลักจากธุรกิจ MPC อยู่ที่ 60% ธุรกิจสื่อ 30% ธุรกิจเพลงและอีเวนต์ 10%

บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KGI วิเคราะห์ว่ายอดขายธุรกิจ MPC ของอาร์เอส ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้แนวโน้มปี 2562 ดูสดใสมากขึ้น จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ 100 รายการ จึงประมาณการกำไรสุทธิของอาร์เอสปีนี้อยู่ที่ 635 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 23% จากแนวโน้มยอดขาย MPC ที่ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% ซึ่จะช่วยชดเชยรายได้ธุรกิจทีวีที่คาดจะลดลงเหลือราว 900 ล้านบาท ลดลง 13%.