ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดในการรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจ “ร้านอาหาร” ของซีพีเอฟ คือ การร่วมทุนกับ “ไห่หลายกรุ๊ป” กลุ่มธุรกิจอาหารของไต้หวัน จัดตั้งบริษัท ซีพี ไห่หลาย ฮาร์เบอร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนก้อนแรก 160 ล้านบาท ซีพีเอฟถือหุ้น 51% และไห่หลายกรุ๊ปถือหุ้น 49% เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติระดับพรีเมียมในชื่อ “Harbour”
โดยเปิดร้านสาขาแรกในวันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2562) ที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้รอบละ 450 ที่นั่ง หรือวันละ 1,000 คน และตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้ที่ 200 ล้านบาท โดยคาดว่าภายใน 5 ปี จะขยายสาขาในไทยเพิ่มเป็น 5 แห่ง เพื่อทำยอดขายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท
สำหรับพิธีเปิดร้าน Harbour สาขาแรกในไทยในวันนี้ ผู้บริหารสูงสุดของทั้งสองกลุ่มคือ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ โหว ซี ฟง ประธานไห่หลายกรุ๊ป มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของไต้หวัน ได้ร่วมเป็นประธานในการเปิดงาน พร้อมผู้บริหารระดับสูงและแขกวีไอพี เช่น ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ และ พาสินี ลิ่มอติบูลย์ ประธานบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เข้าร่วมงาน
Mr.Liu Tzu-Ming ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ซีพี ไห่หลาย ฮาร์เบอร์ จำกัด กล่าวว่า ความสำเร็จของร้าน Harbour ที่ผ่านมามีปัจจัยสำคัญอยู่ที่คุณภาพความสดใหม่และราคาสมเหตุสมผล คาดว่าในไทยก็จะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากปัจจัยดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวมองหาและให้ความสำคัญ นอกจากนี้จะเน้นความหลากหลายของรายการอาหารที่มีถึง 200 รายการ ในราคา 799 บาทต่อหัว สำหรับมื้อกลางวัน และ 899 บาทต่อหัวสำหรับมือเย็นในช่วง Weekday และ 1,099 บาทต่อหัวในช่วง Weekend
ในปีที่ผ่านมาไห่หลายกรุ๊ปมีรายได้ทั้งหมด 4,400 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน โดยแบ่งเป็นธุรกิจร้านอาหาร 3,800 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน จากทั้งหมด 42 สาขา ใน 15 แบรนด์ ซึ่ง 50% เป็นรายได้ธุรกิจร้านอาหารมาจากร้าน Harbour ที่มีทั้งหมด 9 สาขา แบ่งเป็น ไต้หวัน 7 สาขา และจีน 2 สาขาในซีอานกับเซี่ยงไฮ้ ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจร้านอาหารอื่นๆ
ไห่หลายกรุ๊ปเริ่มต้นธุรกิจด้วยธุรกิจโรงแรม โดยแยกฝ่ายจัดเลี้ยงของโรงแรมที่ดูแลภัตตาคารฮาร์เบอร์ที่อยู่ในโรงแรมมาจัดตั้งเป็น บริษัท ไห่หลาย ฟู้ดส์ จำกัด และต่อมาในปี 2011 ได้เริ่มขยายภัตตาคารฮาร์เบอร์สาขา 2 เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ระดับห้าดาวที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน
สุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจอาหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวถึงร้าน Harbour ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ต์แบรนด์ดังและใหญ่ที่สุดในไต้หวันว่า เป็นร้านที่ได้รับความนิยมอย่างมากเห็นได้จากการจองคิวในแต่ละรอบที่มีลูกค้าถึงกว่า 400 ที่นั่ง ขณะที่ร้านมีการจัดการที่ดีโดยใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีก็สามารถจัดการได้ลงตัวทั้งหมด ซึ่งธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ก็ยังไปทดลองใช้บริการและยืนรอคิวมาแล้ว โดยทางร้านใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที
อย่างไรก็ตาม การร่วมทุนครั้งนี้จะเป็นผลดีไม่เพียงแต่ซีพีเอฟ แต่ต่อประเทศไทยด้วย เนื่องจากซีพีเอฟจะเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบเพื่อป้อนให้กับร้านอาหารที่เปิดในไทย ซึ่งเกือบทั้งหมดมาจากประเทศไทย อีกทั้งยังสร้างงานเพิ่มทักษะอาชีพที่ต้องใช้ในร้านอาหาร เช่น เชฟ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการแนะนำอาหารไทยผ่านร้านอาหารของไห่หลายกรุ๊ป ซึ่งมีความเป็นไปได้ในอนาคตที่ทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือในธุรกิจร้านอาหารไปสู่ภูมิภาคอาเซียน.
ข่าวเกี่ยวเนื่อง