นับจากการเปิดตัวของ Khun by YOO ของแสนสิริ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับ Ultra Luxury ที่ทองหล่อ กรุงเทพฯ เมื่อปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ในรูปแบบของ Branded Residences ล่าสุด YOO บริษัทออกแบบที่อยู่อาศัยและโรงแรมสัญชาติอังกฤษที่มีชื่อเสียงโด่งดังและใหญ่ที่สุดในโลก ได้ฤกษ์เปิดตัวในตลาดไทยอย่างเป็นทางการ และเลือกกรุงเทพฯ เป็นสำนักงานใหญ่ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขยายธุรกิจการออกแบบที่พักอาศัย ธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้อย่างจริงจัง
YOO มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหราชอาณาจักร ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย John Hitchcox ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ Philippe Starck นักออกแบบตำนานระดับโลกชาวฝรั่งเศส ซึ่งเหตุผลที่ตั้งชื่อแบรนด์ว่า YOO เพราะต้องการสื่อความหมายว่า งานออกแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็พื่อสะท้อนถึงตัวตนและความพึงพอใจของ You หรือลูกค้าทุกคนนั่นเอง ปัจจุบัน YOO ดำเนินธุรกิจด้านการออกแบบตกแต่งภายในสถาปัตยกรรม การพัฒนาการลงทุน การตลาดและการสร้างแบรนด์ ใน 57 เมือง 40 ประเทศ โดยได้สร้างผลงานด้วยการเปลี่ยนอาคารให้กลายเป็นพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตมากกว่า 87 โครงการ เน้นดีไซน์ที่พิเศษ โดดเด่น ไม่เหมือนใคร รวมถึงการทำ Designer Collaboration กับนักออกแบบชื่อดังระดับโลก เช่น Philippe Starck, Marcel Wanders, Jade Jagger, Kelly Hoppen, Steve Leung และ Sussanne Khan เป็นต้น
สำหรับ YOO Hotels and Resortsที่อยู่ภายใต้ YOO Worldwide ให้บริการธุรกิจโรงแรมครบวงจร ทั้งการออกแบบ การสร้างแบรนด์ และบริหารงานด้านการบริการ ประกอบด้วยแบรนด์โรงแรม 2 แบรนด์ 2 สไตล์ คือ “YOO Collection” แบรนด์รีสอร์ตหรูหราเน้นทั้งดีไซน์และบริการ โดยในไทยจะตั้งราคาเริ่มต้นคืนละ 20,000 -30,000 บาท ในขนาดพื้นที่ห้องเริ่มต้นที่ 40 ตร.ม. เน้นความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างจากโรงแรม 5 ดาวทั่วไป ดังนั้นโลเกชั่นจะต้องโดดเด่นและว้าวจริงๆ เช่น วิวและชายหาดที่สวยงามแบบน่าตื่นตะลึง และจะให้ความสำคัญกับบริการสปาและ Dining Experience เป็นพิเศษ มีกลุ่มเป้าหมายคือบรรดาานักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และนักเดินทางที่มีไลฟ์สไตล์เพริศหรูและมีกำลังซื้อสูง ที่มองหาหมุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนในรูปแบบใหม่ๆ ไม่น่าเบื่อ ไม่ซ้ำซาก จำเจ
ส่วน “YOO2” ซิตี้ โฮเทล จะเน้นสร้างประสบการณ์การพักผ่อนในรูปแบบใหม่ๆ ด้วยดีไซน์ ศิลปะ และสไตล์ เพื่อตอบโจทย์ความสะดวก การบริการ และความพึงพอใจที่ผู้เข้าพักกำหนดได้เอง โดยในไทยตั้งราคาเริ่มต้นคืนละ 4,000-5,000 บาท มีกลุ่มเป้าหมายคือ ลูกค้าระดับอัพสเกล ซึ่ง YOO2 เป็นแบรนด์ที่เหมาะกับการเปิดในหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นย่านใจกลางธุรกิจ, ศูนย์การค้า, มิกซ์ยูส และสนามบิน เป็นต้น
สำหรับในไทยจะเปิดตลาดด้วย YOO2 ก่อน ภายในปี 2020 นี้ โดยแห่งแรกตั้งอยู่ที่ภูเก็ต มีขนาด 230 ห้อง แต่ยังไม่เปิดเผยโลเกชั่นแน่นอน โดยบอกแต่เพียงว่าตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ติดชายหาด และห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตราว 10 นาที ส่วน YOO Collection กำลังอยู่ในระหว่างเจรจา ยังไม่มีกำหนดว่าจะเปิดเมื่อไหร่ และไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นโครงการที่ก่อสร้างใหม่เท่านั้น อาจเป็นการนำโครงการเดิมมารีโนเวตก็ได้ แต่โลเกชั่นที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็ยังคงเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในภาคใต้อย่างภูเก็ต สมุย และกระบี่ เป็นต้น
ด้านรูปแบบธุรกิจในเอเชีย YOO Hotels & Resort จะเป็นเจ้าของแบรนด์ และเป็นผู้พัฒนาแบรนด์ให้สอดรับกับโลเกชั่น วัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการของดีเวลลอปเปอร์ ส่วน ONYX Hospitality Group เป็นพันธมิตรรับผิดชอบการบริหารจัดการโรงแรม ในฐานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในตลาดนี้มานานกว่า 60 ปี โดยปัจจุบันบริหารโรงแรมแบรนด์ Amari, Shama, Saffron, Ozo. The Mosaic Collection และ Oriental Residence
เจมส์ สเนลการ์ หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ YOO Worldwide เปิดเผยว่า “เรามองเห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากศึกษาตลาดนี้มาสักระยะ เนื่องจากตลาดมีความต้องการที่พักอาศัยและโรงแรมระดับไฮเอนด์ที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 25% ของโครงการที่พัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว รวมถึงอยู่ระหว่างการพัฒนา และมั่นใจว่าผู้บริโภคจะเข้าใจในสิ่งที่ YOO นำเสนอได้เป็นอย่างดี สำหรับกรุงเทพฯ นอกจากจะมีโลเกชั่นเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้แล้ว ยังถือเป็นเมืองที่มีดีไซเนอร์มากความสามารถ การตั้งสำนักงานใหญ่ที่นี่ ก็จะเป็นการส่งเสริมดีไซเนอร์คนไทยและเอเชียให้มีโอกาสได้ร่วมงานกับ YOO ด้วย โดยเราคาดหวังว่าจะดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโตต่อไปในระยะยาว ภายใต้กลยุทธ์ Glocal (Global + Local) ที่เชื่อมโยงความเป็นสากลเข้ากับกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลงตัว”
ข้อมูลจาก STR บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดธุรกิจบริการและท่องเที่ยวระบุว่า ดีมานด์โรงแรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าซัพพลายที่มีอยู่ โดยปี 2018 มีอัตราการเติบโตของซัพพลายเพียง 3.2% ถือต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ดีมานด์เติบโต 3.7% หรือจำนวนผู้เข้าพักเติบโตมากกว่าจำนวนโรงแรมที่เปิดใหม่ แสดงให้เห็นว่ายังตลาดนี้ยังมีโอกาสอีกมากสำหรับผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจนี้ โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ที่มีอัตราการเติบโตของดีมานด์ 7% เท่ากัน แต่มีอัตราการเติบโตของซัพพลาย 3% และ 4% ตามลำดับ ส่วนไทยมีอัตราการเติบโตของซัพพลาย 2% และอัตราการเติบโตของดีมานด์ 1% และหากพิจารณาเฉพาะกรุงเทพฯ จะมีอัตราการเติบโตของซัพพลาย 2% และอัตราการเติบโตของดีมานด์ 2.9% ส่วนภูเก็ตยังคงเป็นพื้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน
นอกจากนี้ไม่เพียงแค่ที่พักอาศัยและโรงแรมเท่านั้น แต่ YOO Worldwide จะให้บริการออกแบบในโครงการที่หลากหลาย อาทิ คอนโดมิเนียม, อพาร์ตเมนต์, บ้านเดี่ยว, โรงแรม, บาร์, ร้านอาหาร, พื้นที่เพื่อสังคม และโค-เวิร์คกิ้งสเปซ ด้วยแนวคิด “Placemaking” การคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่และชุมชนทั้งหมด ไม่ใช่แค่ภายในบ้านหรือโรงแรมเท่านั้น
สำหรับในธุรกิจโรงแรมทั้งสองแบรนด์ของ YOO Worldwide จะแข่งขันกับคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ด้วยการออกแบบพื้นที่ในการใช้ชีวิตที่หยิบยกสิ่งละอันพันละน้อยจากวัฒนธรรมท้องถิ่นมาใช้และนำเสนอในมุมมองที่ทันสมัย, บรรยากาศตั้งแต่ประตูทางเข้า โถงล็อบบี้ และบริเวณอื่นๆ ของโรงแรม, ดีไซน์ที่สร้างสรรค์, ดนตรีที่แตกต่าง ตลอดจนคอนเซ็ปต์ของอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งทั้งหมดจะสะท้อนถึง Brand Identity ของ YOO ที่เป็น International Lifestyle Brand ที่ไม่ได้สร้างสรรค์โรงแรมทั่วๆ ไป แต่เป็นโรงแรมที่คิดนอกกรอบ.