ตลาดกลาง – ล่าง ชิงมาแล้ว Oppo ประกาศแซง Samsung ถาวร! ด้วยรุ่น Hi-End 20,000 อัพ

ก่อนหน้านี้ผลวิจัยของบริษัท Canalys ได้ออกมาระบุว่า เฉพาะไตรมาส 4 ของปี 2018 “Oppo” แบรนด์สมาร์ทโฟนจากแดนมังกร มีส่วนแบ่งขึ้นเป็นเบอร์ 1 แซงหน้า “Samsung” ได้เป็นผลสำเร็จ แม้เมื่อมองลึกเข้าไปดูยอดขายรวมของทั้งปี Oppo ยังมีส่วนแบ่งเป็นเบอร์ 2 ตามหลัง Samsung อยู่ก็ตาม

“Oppo” ระบุสาเหตุที่ขึ้นแซงได้เป็นผลสำเร็จมาจาก 3 ปัจจัยหลัก

1. ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มกลางล่าง ราคาราว 5,000 – 12,000 บาท ที่ Oppo แกร่งมียอดขายเยอะทั้ง A3s, F7 และ F9

2. การทำตลาดและสื่อสารที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวไทยยอมรับสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนมากยิ่งขึ้น เทียบได้กับช่วง 7 ปีก่อนที่ Oppo เพิ่งเข้ามาทำตลาดใหม่ๆ พอถามใช้แบรนด์จีนก็จะหันหน้าหนี ซึ่งจุดนี้ Oppo ระบุตัวเองเป็นหัวหอกที่ทำในขณะที่แบรนด์จีนรายอื่นๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน

3.บริการ ซึ่งมีศูนย์บริการหลังการขาย 46 แห่งทั่วประเทศ

ชานนท์ จิรายุกุลรองประธานกรรมการฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย ระบุว่า เมืองไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ Oppo ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะในระดับโลกยังมีส่วนแบ่งอยู่เพียงเบอร์ 5 ซึ่งการขึ้นแซงในครั้งนี้ Oppo หวังที่จะแซง Samsung ตลอดไป เพราะเป็นธรรมดาของธุรกิจนี้ที่เวลาขึ้นแล้วจะลงยาก และกราฟที่ผ่านมาของ Oppo มีแต่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่มีตกลงเลย

“ชานนท์ จิรายุกุล” รองประธานกรรมการฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย

หมากตัวสำคัญที่จะถูก Oppo งัดขึ้นมาใช้ปีนบัลลังก์เบอร์ 1 อย่างถาวรคือ การมุ่งไปที่ เซ็กเมนต์ Hi-End” ราคา 20,000 ขึ้นไป จากจำนวนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ 10-12 รุ่นที่จะเปิดตัวในปี 2019 คาดว่า 2-3 รุ่นเลยทีเดียวที่จะเป็น Hi-End

ทำไมต้อง Hi-End? เพราะแม้ว่าสมาร์ทโฟน Hi-End ในเมืองไทยจะมีสัดส่วนอยู่ราว 30% ของทั้งตลาด แต่อย่าลืมว่ารุ่น Hi-End มีราคาจำหน่ายที่สูงกว่า กำไรต่อหน่วยจึงได้มากกว่า อีกทั้งกำลังซื้อของกลุ่มที่มักไม่มีผลกระทบอะไรมากนักต่อเศรษฐกิจ ที่สำคัญการบุก Hi-End ยังทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ Oppo ฉีกหนีแบรนด์จีนด้วยกันไปอีก

จริงๆ แล้วเมื่อ 4-5 ปีก่อน Oppo ได้ทดลองชิมลางเซ็กเมนต์ Hi-End ด้วยรุ่น N1 ราคา 17,990 บาท, N3 ราคา 19,990 บาท แต่นั้นก็ไม่อาจเรียกได้ว่า Hi-End ได้อย่างเต็มปากเต็มคำเพราะราคาไม่ถึง อีกทั้งที่ไม่สนใจเพราะไม่มีสินค้าเข้ามาขาย จึงไม่ได้ทำการตลาดจริงจังมากนัก เพราะสุดท้ายทำไปก็ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นกับแบรนด์

ก่อนที่ Oppo จะหันมาสนใจเซ็กเมนต์นี้อีกครั้งในปีที่ผ่านมา ด้วยการออก Find X ราคา 29,990 บาท ที่ร่วมมือกับค่ายรถหรูลัมโบกินี เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน ถัดมาเดือนสิงหาคมก็ได้ออกอีกรุ่น R17 Pro ราคา 24,990 บาท

ผมเคยพูดเอาไว้เมื่อ 4-5 ปีก่อนต่อไปเบอร์ 1 ในตลาดสมาร์ทโฟนไทยจะมีส่วนแบ่งอยู่ราว 20% เบอร์อื่นๆ จะห่างกันไม่มาก 1-2% ดังนั้นถ้า Oppo สามารถทำตลาดบนได้แข็งเกร่ง ส่วนแบ่งตลาดก็จะเพิ่มและหนีคู่แข่งได้

ขณะเดียว Oppo มั่นใจว่าสินค้าจะสามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคได้ เพราะมีเทคโนโลยีที่จัดเต็มทั้งชาร์จแบตเต็ม 100% ภายในเวลา 35 นาที หรือกล้องซูม 10 เท่าไม่เสียรายละเอียด ความท้าทายจึงอยู่ที่การสื่อสารไปหาผู้บริโภคให้สนใจ Oppo ได้เร็วที่สุด

ล่าสุด Oppo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของปี 2019 รุ่น F11 Pro ราคา 10,990 บาท ชูจุดเด่นถ่ายรูป Portrait สวย แม้แสงน้อยด้วยกล้องหลังคู่ ความละเอียด 48 ล้าน +5 ล้านพิกเซล หน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว แบตเตอร์รี่ขนาด 4,000 มิลลิแอมป์

ชานนท์บอกว่ารุ่นนี้ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะทดลองขายในลาซาด้าหมดภายใน 2 นาที ซึ่งขณะนี้เปิดให้จองแล้ว 3 วัน มียอดกว่า 80% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเร็วกว่ารุ่น F9 ที่เปิดขายก่อนหน้ากว่า 1 เท่าตัว

สำหรับภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนปี 2018 ในแง่ของจำนวนเครื่องลดลง 8% จาก 20 ล้านเครื่องเหลือ 19 ล้านบาท ส่วนในแง่ของมูลค่าลดลง 14% จาก 1.6 แสนล้าน เหลือ 1.4 แสนล้าน

ส่วนในปี 2019 “ชานนท์มองตลาดทรงตัวเพราะปัจจุบันไม่ได้มีเทคโนโยลีใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนเครื่องเร็วขึ้น โดยปัจจัยหลักที่จะทำให้ตลาดกลับมาคึกตักอีกครั้งคือการเปิดตัว 5G อย่างเป็นทางการ เหมือนอย่างที่การเปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G ทำให้ตลาดคึกคักเป็นอย่างมากในปี 2012-2013