Monday, December 22, 2025
Home Blog Page 9266
รุ่นนี้ต้องยกให้กับดีไซน์ กับระบบจอ HP Pavillion tx1000 Entertainment Notebook PC หน้าจอแบบ twist and touch ขนาด 12 นิ้ว ปรับหมุนได้ 180 องศา จอหมุนพลิกให้คนที่นั่งตรงข้ามดูได้สะดวกไม่ต้องลุกมานั่งฝั่งเดียวกันนี้ เหมาะกับเวลาเสนองานในที่ประชุม นักศึกษาใช้พร้อมกับเพื่อนๆ และยังปรับให้เอนราบเวลาจดโน้ตในห้องเรียน หรือใช้ดูหนังในที่แคบๆ ระหว่างเดินทาง เช่นบนเครื่องบิน พ่วงกับคุณสมบัติเว็บแคม และ dual, omni-directional microphones เหมาะสำหรับการใช้งานประชุมทางไกล ใช้ระบบประมวลผล AMD Turion 64x2 Mobile technology ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์วิสต้า...
ดูพอด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดตัว U1000 ประกาศก้องว่าเป็นโน้ตบุ๊กขนาดเล็ก และเป็นเครื่องแรกของโลกที่รองรับเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูง 3.5G ใช้เป็นมินิโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล 3 ล้านพิกเซล และที่ต้องมีคือจีพีเอส บอกแผนที่ จอแอลซีดี ขนาด 5 นิ้ว สามารถดูเอกสาร หรือดูหนัง มีคีย์บอร์ด QWERTY เลื่อนเข้าออก ส่วนคุณสมบัติโทรศัพท์มือถือรองรับเทคโนโลยี 3.5G และ HSDPA (High Speed Data Packet Access) แบตเตอรี่สำรองรอรับสายได้นาน 300 ชั่วโมง ดูหนังได้ต่อเนื่อง 4...
โนเกียรุ่นความหวังสำหรับยักษ์ใหญ่ค่ายมือถือของโลก เปิดตัวแล้ว N95 ในตระกูล N Series (www.nseries.com) สำหรับคนกระเป๋าหนักพร้อมจ่ายเพื่อความสะดวกสบาย เพราะเป็นรุ่นที่สร้างคุณสมบัติรวมการใช้งานทุกอย่างที่คนรุ่นใหม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก ช่วยในการทำงาน เอ็มพี 3 สำหรับหาความบันเทิงดูหนัง ฟังเพลง และโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มฟังก์ชันการบอกแผนที่ไม่ให้หลงทางเสียเวลา และแน่นอนกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล ซูม 20 เท่า ข้อมูลเบื้องต้น -หน่วยความจำ 160 เมกะไบต์ (ตัวเครื่อง) การ์ดหน่วยความจำ microSD card (Hot- swap) สูงสุด 2 GB...
นวัตกรรมของ iPod โดยแอปเปิลไปไม่หยุดยั้ง ไม่ออกรุ่นใหม่ฟังก์ชันใหม่ ความจุมากกว่าเดิม ก็ต้องเป็นดีไซน์ใหม่ทั้งรูปลักษณ์ และสีสัน พาเหรดมาในตลาดแบบต่อเนื่อง อย่าง iPod shuffle 1 GB เอ็มพี 3 ขนาดเล็กแบบคลิปหนีบที่เคยแนะนำกันไปแล้วในรุ่นสีขาว มาล่าสุดเห็นมากมายในเว็บไซต์ขายสินค้าที่กำลังมาแรงคือ shuffle รุ่นสีสัน ทั้งสีเขียว สีชมพู สีส้ม ด้วยคุณสมบัติแบบเดียวกัน เช่น จุเพลงได้ 240 เพลง แบตเตอรี่นาน 12 ชั่วโมง เวลาชาร์จ 4 ชั่วโมง ระบบเสียงแบบ Skip-free playback แบบฟังไม่มีเสียงสะดุด...
ปรากฏการณ์ฟีเวอร์ของหินทิเบต “ดนัย จันทร์เจ้าฉาย” ที่ปรึกษาด้านสื่อสารการตลาด วิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งมาจากตัวจุดกระแส หรือ Tippoing Point คือเจ้าชายจิกมีแห่งทิเบตเมื่อครั้งมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในงานพระราชพิธีครองราชย์ 60 ปีของในหลวงเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยมีคนคลั่งไคล้เมื่อเห็นเจ้าชายสวมเครื่องประดับหินทิเบต แล้วนำมาเป็นต่อยอดค้นคว้าหาที่มา เรื่องราวพลังอันศักดิ์สิทธิ์ ความหมายและพลังอำนาจต่างๆ ประกอบกับสังคมไทยในเวลานี้คนให้ความสนใจหาเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ส่งผลให้หินทิเบตกลายเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมโดยไม่ยาก โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น เพราะนอกจากให้ความหมายดี ยังใช้เป็นเครื่องประดับแฟชั่นได้อย่างทันสมัย “จัดเป็นปรากฏการณ์ที่โดนเร่งปฏิกิริยาจากคนที่เป็น Role Model หรือ Idol ของสังคม โดยมีทาร์เก็ตหลักคือวัยรุ่นเป็นผู้ขับเคลื่อนทำให้เป็นแฟชั่น (Fashion Driven) ขณะที่เรื่องราวจากลวดลายหินแต่ละประเภทเป็นตัว Support เป็นตัวทำให้โปรดักส์มีมูลค่าบนพื้นฐานจากความเชื่อและศรัทธานั่นเอง”...
หินเล็กๆ รูปทรงรียาว...สีดำ... สีน้ำตาล... สลักเป็นรูปดวงตา... มองผิวเผิน อาจเป็นแค่เครื่องประดับที่มากับเทรนด์แฟชั่นในยุคนี้ แต่จากปรากฏการณ์ ที่คนทุกเพศ...ทุกวัย ยอมควักกระเป๋าจ่ายตั้งแต่หลักร้อย-แสนบาท เพื่อซื้อหามาประดับบนข้อมือ...ลำคอ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือธรรมดา แต่มาจาก พลังความเชื่อ-ความศรัทธาในหินชนิดนี้ ทำให้หินทิเบตกลายเป็นโปรดักส์ฟีเวอร์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างลงตัว อีกทั้งเป็นธุรกิจที่ทำเม็ดเงินให้เป็นกอบเป็นกำต่อผู้ทำธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุมงคลบอกว่า หินทิเบต (DZI Stone) ถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลในการสร้างความเชื่อมั่นและโชคลาง ที่คนไทยรุ่นใหม่ยังให้ความนิยมอย่างมาก โดยเข้ามาในประเทศไทยนานแล้วราว 10 ปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งตกเป็นข่าว กระแสโด่งดังมาเมื่อ 2-3 ปีนี่เอง โดยเฉพาะ กลายเป็นปรากฏการณ์ฟีเวอร์สุดขีด เมื่อ เจ้าชายจิกมี่ จากทิเบต สวมใส่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเมื่อครั้งมาร่วมงานครบรอบครองราชย์...
ในมุมมองนักการตลาดอย่าง “ดนัย จันทร์เจ้าฉาย” ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ DC Consultant วิเคราะห์ปรากฏการณ์จตุคามรามเทพว่า ความสำเร็จของกระแสจตุคามรามเทพเกิดขึ้นจากส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างโปรดักส์ กระบวนการทางการตลาด และจังหวะเวลา อาจอธิบายผ่านรูปแบบการตลาดที่เรียกว่า Faith Marketing หรือการตลาดด้วยความรักความศรัทธานั่นเอง กระบวนการเริ่มต้น Faith Marketing เริ่มจาก 1. โปรดักส์โดนใจ หากมองจตุคามรามเทพ ซึ่งเป็นเทพที่มีบารมี ความศักดิ์สิทธิ์ที่บุคคลในสังคมหลายระดับให้ความเคารพนับถือ เป็นโปรดักส์ ก็จัดว่าเป็นที่โดนใจผู้บริโภค ประกอบกับปัจจุบันพฤติกรรมซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ขณะเดียวกัน จิตใจอยู่ในภาวะที่ต้องการหาเครื่องยึดเหนี่ยว หากมีโปรดักส์ใด (ไม่ว่าเป็นสินค้าทั่วไป หรือวัตถุมงคล)ตอบสนองประเด็น ก็ตัดสินใจจ่ายเงินซื้อโดยไม่ยาก “จากปรากฏการณ์เสื้อสีเหลือง ปี่เซี้ยะ จนถึงจตุคามรามเทพ...
“วินิตา ศรีชวาลา” สาวน้อยที่ยืนเคียงข้าง “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ถ่ายภาพแถลงข่าวให้สื่อมวลชนกลุ่มใหญ่รับฟังถึงความคืบหน้าธุรกิจระดับมาตรฐานอินเตอร์ในโอกาสครบ 1 ปีการเปิดธุรกิจร้านอาหาร “ออเรนเจอรี่” บนชั้น 4 สยามพารากอน เป็นพาร์ตเนอร์ต่างวัย ที่สามารถทำให้ “วินิตา”กลายเป็นผู้หญิงทำงานคนใหม่ที่น่าจับตามอง “วินิตา” ไม่ได้มีรายชื่อเป็นไฮโซระดับดาวในเมืองไทย เพราะครอบครัวส่งให้เธอไปเรียนที่สิงคโปร์ตั้งแต่วัยเด็ก กลับมาเมืองไทยช่วงหนึ่งเฉพาะในช่วงมัธยมปลาย เมื่อถึงเวลาศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาเธอก็เลือกบินไปเรียนที่อิตาลี ที่อาของเธอไปทำธุรกิจอยู่ที่นั่น เพราะความเป็นลูกหลานของครอบครัวนักธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น และเครื่องตกแต่งบ้าน แบรนด์ “ยัสปาล” หรือ Jaspal ในตระกูล “สิงห์สัจจเทศ” ทำให้ “วินิตา” สนใจเรื่องเสื้อผ้าแฟชั่นตั้งแต่เด็ก ที่อิตาลีเธอจึงมุ่งมั่นเรียนเกี่ยวกับการทำตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น หลังจากกลับมาเมืองไทยไม่นานนัก “วินิตา” ในวัยประมาณ 20 ปี...
มนาเทศ อันนวัฒน์ หรือ จูเนียร์ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ที่มีความรู้ความสามารถไม่น้อยกว่ารูปทรัพย์ที่เขามี มนาเทศเกิดในครอบครัวที่เรียกว่า “คหบดี” ก็ไม่ผิดนัก ธุรกิจครอบครัวเกี่ยวกับการค้าข้าว ร่ำรวยพอที่จะทำให้บิดามารดาของเขาสนับสนุนการเรียนของเขาอย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับการเรียน ไม่เคยได้รับคำปฏิเสธ จากความตั้งใจเบื้องแรกที่จะเรียนแพทย์หรือวิศวะ ตามเส้นทางของเด็กคงแก่เรียนทั่วไป แต่ด้วยความถนัดและชื่นชอบในภาษาอังกฤษมาก จึงเลือกเรียนที่เอแบคหลังจากสอบเทียบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้ตั้งแต่จบชั้น ม.4 หลังจบปริญญาตรี มนาเทศตัดสินใจไปเรียนต่อ MBA ที่ซานฟรานซิสโกทันที โดยศึกษาทางด้าน Marketing และ Finance & Banking หลังคว้าปริญญาโทมาครอง เขาใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลาครึ่งปี เพื่อหยุดพักความเหนื่อยล้าจากการเรียนแบบ Non stop...
“จงหลงใหลและเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณทำ แล้วงานนั้นจะมีชีวิต ...งานไม่ใช่แค่ภาระหน้าที่ หากแต่เป็นสิ่งที่คุณต้องใส่จิตวิญญาณของคุณเข้าไปด้วย” วสุ วิรัชศิลป์ สถาปนิกรุ่นใหม่ผู้มีไฟกล่าวกับ POSITIONING เมื่ออธิบายความหมายของการทำงาน สถาปนิกหนุ่มผู้นี้ มีหลายๆ มุมมองในการทำงานและการใช้ชีวิตที่น่าสนใจไม่น้อย... ภาพบรรยากาศสบายๆ ในห้องสมุดของ ม.ศิลปากร ผุดขึ้นในความทรงจำ เมื่อวสุเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นหนึ่งในนักศึกษาผู้นั่งหลงใหลงานศิลป์อยู่ระหว่างชั้นเก็บหนังสือเหล่านั้น “ด้วยความที่ชอบหนังสือ นิตยสารต่างประเทศ โดยเฉพาะพวกงาน Conceptual ผมจึงตัดสินใจ Drop การเรียนที่คณะสถาปัตย์ฯ ทั้งๆ ที่เหลือเวลาอีกเพียง 2 ปีก็จะจบ ผมเลือกที่จะเสี่ยง เพราะเมืองนอกเปิดกว้างทางด้านแนวความคิด และให้คุณค่ากับตัวเอง หรือ Self-identity สูง เราจึงสามารถเลือกทางเดินที่เรามีพรสวรรค์หรือมีความถนัดได้ จากเกรดเฉลี่ยสองกว่าๆ จึงกลายเป็นเกียรตินิยม”...