เมื่อคู่แข่งรายสำคัญในเกม Food Delivery อย่าง Grab Food ตัดสินใจลดราคาค่าส่งเหลือ 10 บาท LINE MAN ที่เริ่มโดยลูกค้าแซวทีเล่นทีจริงเรื่องราคาที่ค่าส่งสูงกว่าค่าอาหาร จึงตัดสินใจใช้โอกาสครบรอบ 3 ปี ออกโปรเหมาจ่าย 29 บาท เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากร้านดังรอบรัศมี 6 กิโลเมตร กว่า 1,000 ร้าน จากปรกติคิดค่าเรียก 55 บาท และกิโลเมตรละ 9 บาท
LINE MAN เชื่อว่า “ราคา” ไม่ใช่สิ่งเดียวในเกม Food Delivery เพราะผู้บริโภคยังมีอีก 2 ปัจจัยในการตัดสินใจ คือ ตัวเลขร้านอาหาร และการบริการ ซึ่งผู้บริโภคแต่ละคนก็มีตัวเลือกแรกไม่เหมือนกัน แต่ LINE MAN ก็ยังมองว่าตัวเองถือเป็น Top of Mind ในเกมครั้งนี้อยู่ เพราะถูกใช้เป็นคำเรียกแทนเวลาจะสั่งอาหารหรือเรียกเมสเซนเจอร์ไปแล้ว
ทั้งนี้ LINE MAN ไม่ได้กังวลมากนักเรื่อง Feedback ราคา ด้วยวางตัวเองอยู่ในระดับพรีเมียม ราคาจึงสมเหตุสมผลกับบริการ และจากข้อมูลที่พบว่าลูกค้ามากกว่า 50% ใช้งานโดยไม่ใช้คูปองส่วนลด ชี้ให้เห็นว่าคนไทยมี Loyalty และความพึงพอใจกับ LINE MAN อยู่สูง
โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่คลอดออกมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของ LINE ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในบริการ “ดาวเด่น” เพราะมีอัตราเติบโตไม่น้อยกว่า 300% ในแต่ละปี โดยวันนี้มี Active User ใช้งานอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งถึง 3,000,000 User และยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะจากฐานผู้ใช้งาน LINE กว่า 44 ล้านราย
“อาหารและแท็กซี่” เป็น 2 บริการที่มียอดใช้มากที่สุด รวมกันเกินกว่า 50% ที่เหลือเป็นส่งพัสดุ ส่งสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ และเมสเซนเจอร์
หากสำรวจพฤติกรรมการสั่งอาหารเมื่อเทียบกับวันแรกที่เปิดให้บริการ พบมีความถี่และการสั่งอาหารที่หลากหลายมากขึ้น จากจำนวนร้านค้าที่มีในระบบกว่า 47,000 ร้าน ช่วงเวลาที่นิยมสั่งอาหารมากที่สุดคือช่วงเท่ียงและเย็น
และเมื่อเทียบกับวันทำงานแล้วปรากฏว่า วันหยุดมียอดสั่งอาหารที่มากกว่า เมนูนิยมมีตั้งชาไช่มุก ก๋วยเตี๋ยว ไก่ทอด และอาหารพร้อมทาน เป็นต้น
อึนจองลี รองประธานฝ่ายบริหารธุรกิจ LINE Global Corporation และรักษาการกรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย ซึ่งถือโอกาสใช้งานแถลงข่าวในครั้งนี้ ออกมาเจอสื่อครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ามาดูแลอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า
LINE มอง LINE MAN ยังมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง เห็นได้จากพฤติกรรม ความถี่ ความหลากหลายในการสั่ง ฐานลูกค้าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยความท้าทายต่อจากนี้ของ LINE MAN คือการขยับขึ้นมาเป็น Top of Choice และก้าวผ่านกำแพงด้านราคาไปให้ได้
ภายในปีนี้ LINE MAN วางแผนขยายออกไปให้บริการในหัวเมืองต่างจังหวัด ส่วนบริการใหม่ๆ อาจจะไม่ได้เห็นแล้ว จะเน้นเพิ่มบริการอื่นๆ ที่ย่อยลงมา แต่ตอบ pain point และความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า