ทอล์กออฟเดอะทาวน์ ว่าด้วยพฤติกรรม “ลับ ลวง แหล” ของนักร้อง-ดาราหนุ่ม “นาธาน โอร์มาน” เป็นการปลอกเปลือกแฉฉายให้เห็นภาพจริงของคน “วงการบันเทิง” อีกครั้ง
วงการบันเทิง วงการมายา ที่ชื่อก็บอกแล้วว่า ขายเรื่องความหฤหรรษ์บันเทิง โชว์ฉากมายาภาพที่มีแต่สิ่งสวยๆ งามๆ โลกใบรื่นรมย์ สดใส
เป็นโลกใบที่แตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริง ที่ไม่ได้มีแต่ด้านมุมบวกเพียงด้านเดียว คนในวงการบันเทิงก็คือมนุษย์ปุถุชน ที่ย่อมมีด้านดีและด้านร้าย
แต่เพราะที่ประชาชนต้องการอยากเห็น “ฮีโร่” วีรุบุรุษ วีรสตรี ทั้งในโลกมายา และโลกแห่งความเป็นจริง
“พระเอก” ต้องเป็นสุภาพบุรุษที่แสนดี “นางเอก” ย่อมเป็น “เจ้าหญิง” อิสตรีผู้มีจิตใจงดงามตลอด แม้จะออกนอกบทบาทการแสดงแล้วก็ตาม
เพราะเหตุนี้ เราจึงได้เห็นดารา นักร้อง นักแสดง ขายภาพความเป็นพระเอก-นางเอก-คนซื่อ-คนดี เป็นศิลปินผู้มีจิตใจงดงาม แบบมายาภาพสลัดไม่หลุด
เป็น “ขวัญใจมหาชน” ตลอดเวลา!
กรณี “นาธาน ลับ ลวง แหล” จึงไม่ใช่กรณีแรกที่ทำเอาสังคมตกตะลึงถึงความโกหกตลบตะแลงแสร้งทำสร้างภาพ แต่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างชัดๆ ของการก้าวเข้าสู่โลกมายา
โลกที่จะต้องมาด้วยลุคส์และภาพลักษณ์ ที่สนองตอบความต้องการของสังคม
ทั้งกรณี “เจ้าหญิงเบนโล”- ดารานักร้องหนุ่มขวัญใจแฟนเพลงติดยาเสพติด-ศิลปินหญิงที่ทุกคนชื่นชอบ ด้วยกริยามารยาทเหมือนผ้าพับไว้ ที่มารู้ภายหลังว่าแอ๊บแบ๊ว เป็นสาวราตรี นักเที่ยว ประจำผับบาร์ ควงผู้ชายมากหน้าหลายตา ฯลฯ
ที่น่าตกใจ และต้องให้ความสำคัญมากกว่านั้น จากกรณีของ “นาธาน” ที่มาพร้อมกับภาพล้วนๆ และลวงโลกเน้นๆ ไม่เพียง ที่มา ชาติกำเนิด ที่แสดงออกบอกต่อสาธารณะมาตลอด
แต่ที่ร้ายแรง และทำเอาแฟนคลับและผู้คนทั่วไปเกิดอาการช็อก ก็คือพฤติกรรมที่แตกต่างจากที่รับรู้ของนักร้องหนุ่ม แบบหน้ามือเป็นหลังมือ
กรณีการหลอกลวงแม้กระทั่งบุคคลใกล้ชิด ในเรื่องการฉ้อโกง ทั้งเพื่อนฝูง แม่บ้านรับใช้ ไปจนกระทั่ง “หนูน้อยดักแด้” ที่นาธานเข้าไปโอบอุ้มดูแล ชูภาพแสนดีของเขาให้ติดตลาด
โฉมหน้าแท้จริงของ “นาธาน” ภายใต้ “หน้ากาก” ศิลปินที่แสนดี ถูกกระชากออกมาแล้ว
ที่น่าตกใจคือรางวัลที่เขาได้รับจากการดำรงภาพต่อสาธารณะมาตลอด จนถึงยกให้เป็น “เยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี2549”
นอกจากพฤติกรรมพฤติการณ์ที่พบในภายหลัง ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคุณสมบัติของผู้สมควรที่ได้รับรางวัลนี้ นอกจากเรื่องคุณความดีเป็นที่ประจักษ์ ที่ยังเคลือบแคลงแล้ว
แม้แต่กฎเกณฑ์เรื่อง “อายุ” แม้กระทั่งชื่อพ่อแม่ การศึกษา ก็ยังมีการ “โกง” ล้วนๆ
กรณีนี้สะเทือนไปถึงหน่วยงานที่ยกตำแหน่งรางวัลให้นักร้องหนุ่มสำนักงานส่งเสริม สวัสดิภาพ และพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคม
มีข้อสงสัยในเรื่องระเบียบ หลักเกณฑ์ กฎ กติกา สำหรับการพิจารณาเยาวชนให้เข้าได้รับรางวัล ได้มาตรฐาน และน่าเชื่อถือเพียงใด?
เรื่องนี้จึงเป็นหน้าที่ที่หน่วยงานผู้มอบรางวัลเองควรจะทบทวนในเรื่องเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย ลับลวงแหลเพื่อให้ได้รับรางวัลกันต่อไป
รวมทั้งเป็นตัวอย่างให้กับหน่วยงานอื่นๆ เพราะที่มีการมอบรางวัลในลักษณะเดียวกันนี้ เพราะหลายต่อหลายครั้งก็เคยพบมาแล้วว่า ผู้ได้รับรางวัลไม่เหมาะสมกับรางวัลที่ได้รับ
เช่นกรณีดารานักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ ได้รับรางวัลเกี่ยวกับต่อต้านการสูบบุหรี่
ทั้งที่ก็รู้กันดีในวงการ ซูเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าจนเป็นป๋าในวงการรายนี้เป็น “สิงห์อมควัน” ตัวจริง!
รางวัลแห่งเกียรติยศครั้งนั้น จึงเป็นเรื่องตลกร้ายในสังคมไทย
โดยข้อเท็จจริงในช่วงนั้นก็มีการพูดถึงหลักเกณฑ์การพิจารณามอบรางวัลของหลายหน่วยงาน ให้แก่ศิลปิน ดารา นักร้อง ค่ายหนัง ละคร และค่ายเพลงต่าง
โดยมีข้อมูลน่าตกใจว่า แค่บริษัทที่อยากให้ศิลปินในสังกัดได้ภาพลักษ์รางวัลดีเด่น แค่มีเงินบริจาค และให้ความร่วมมือในการงานของหน่วยงานนั้นๆ ก็มีสิทธิได้รับการเสนอชื่อ
เปิดให้มีการ “ซื้อ-ขายตำแหน่ง” เซ็งลี้รางวัล
ดังนั้นนอกจากเห็นด้วยกับการเอาจริงเอาจังของฝ่ายการเมืองที่รับผิดชอบต้นสังกัดของสำนักงานส่งเสริม สวัสดิภาพ และพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.)
รัฐมนตรีอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคม ที่สั่งการให้ผู้บริหาร สท. ไปแจ้งความดำเนินคดีนักร้องลวงโลกที่ปลอมเอกสาร เพื่อเสนอชื่อเข้ารับรางวัล
จัดการกับ “นาธานโคตรตอแหล” ที่รัฐมนตรีเอ่ยปากประณามกันตรงๆ
และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลวงโลกเช่นนี้ขึ้นอีก หน่วยงานที่มอบรางวัลนี้ก็ควรทบทวนหลักเกณฑ์พิจารณา เข้มงวดตรวจสอบคุณสมบัติของรางวัล “ดีเด่น” ให้รอบคอบกว่านี้
ให้โล่เกียรติยศคุณความดี สมควร คู่ควรกับคนดีจริงๆ
สำหรับรัฐมนตรี ที่สื่อมวลชนยกย่องว่าอยู่ในประเภท “นักการเมืองน้ำดี” อย่างรัฐมนตรีอิสสระ เชื่อว่า จะฝากความหวังไว้กับรัฐมนตรีรายนี้ได้ โดยเฉพาะจากปูมประวัติที่ผ่านมา
จากการเป็นนักการเมืองถิ่น สมาชิกสภาจังหวัดอุบลราชธานี มาสู่การเมืองสนามใหญ่ เป็น ส.ส. มาแล้ว 5 สมัย สังกัดทั้งพรรคราษฎร ความหวังใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์
นอกจากเป็น ส.ส. นักสู้ของค่ายพระแม่ธรณี ที่มวลชนรักและศรัทธา แม้แต่ในยุครุ่งเรืองของพรรคไทยรักไทย การเลือกตั้งปี 2548 ยังลุยฝ่าความนิยมแบบพีคสุดของทักษิณเข้าสภามาได้
ที่สำคัญที่ทำให้แอบหวังกับรัฐมนตรีอิสสระได้ เพราะเขาเป็นนักการเมืองที่ “รักความถูกต้อง และเป็นธรรม”
ในฐานะอดีตทนายความเก่า ที่ช่วยเหลือชาวบ้านใน อ.พิบูลมังสาหาร เมืองอุบลฯ มาโดยตลอด จนเป็นที่รักและชื่นชมของชาวบ้าน รวมทั้งช่วงที่สอบตก อกหักไม่ได้เข้าสภาฯ
รวมทั้งเคยร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งชาวบ้าน นักศึกษา เอ็นจีโอ รวมตัวกันคัดค้านต่อต้านโครงการก่อสร้างเขื่อนปากมูล ของ กฟผ.
แม้จะพ่ายแพ้ ไม่สามารถต้านทานโครงการก่อสร้างเขื่อนใหญ่ ที่กระทบกับวิถีชุมชน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้ แต่ผลงานครั้งนั้นของ “อิสสระ” เป็นที่จดจำ
และเป็นเสมือนลมใต้ปีก ในยามที่เข้าเดินเข้าสู่สนามเลือกตั้ง
ชาวบ้านที่รักและศรัทธา นำพาให้อิสสระ เข้าสภาฯ เป็น ส.ส. มาได้เกือบทุกครั้ง และมาถึงวันนี้ ส่งเขาถึงเก้าอี้เสนาบดี เป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศชาติบ้านเมือง
ดังนั้นนอกจากต้องดำรงตนในช่วงนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี มีอำนาจอยู่ในมือ ไม่ให้ “ดีแตก” แล้ว “รัฐมนตรีอิสสระ” ควรพิสูจน์ว่า ตำแหน่งนี้สร้างคุณาประโยชน์ให้บ้านเมืองได้
ลุยเรื่อง “ความดีที่แท้จริง” ล้างภาพโล่รางวัลแห่งการหลอกลวงเป็นจุดเริ่มต้นและตัวอย่างให้แก่หน่วยงานและการมอบรางวัลอื่นๆ ได้ปรับปรุงแก้ไข
ไม่ให้ “คนดีจอมปลอม” ได้เชิดหน้าชูตา เป็นที่ยกย่องอยู่ในสังคมอย่างที่ผ่านๆ มา
หวังว่ารัฐมนตรีน้ำดี ภาพดีรายนี้ คงไม่ทำให้ผิดหวัง??